“บิ๊กตู่”ชี้นโยบาย”อเมริกา เฟิร์ส”ของทรัมป์ สอดคล้อง”ไทยแลนด์ 4.0” ขออย่ามองเจรจาซื้ออาวุธ!

วันนี้ (6 ต.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ว่า การหารือเต็มคณะประเด็นในเรื่องของความสัมพันธ์ต่างๆ ของ 2 ประเทศความเป็นมิตรยาวนาน 200 ปี จะครบ 185 ปี ทางการทูตในปีหน้า มีนโยบายและแนวทางเดียวกันก็คือ การให้ความสำคัญ กับผู้ที่มีรายได้น้อย นโยบายอเมริกา เฟิร์สท์ (America First) ของนาย โดนัลด์ ทรัมป์ สอดคล้องเชื่อมโยงกับนโยบาย ไทยแลนด์ 4.0 ของไทย ในประเด็นของความมั่นคงในภูมิภาค พูดคุยแลกเปลี่ยนในเรื่องมุมมองของไทยต่อบทบาทของจีนในภูมิภาค ได้บอกว่าไทยมองจีนเป็นมิตร แล้วก็จะร่วมมือกันในประเด็นทีเป็นประโยชน์ร่วมกัน ในด้านเศรษฐกิจ ไทยมีความเป็นเอกเทศ ในเชิงนโยบายจีนมีความสำคัญทางด้านเศรษฐกิจ และการค้าที่ใกล้ชิดกันกับประเทศในอาเซี่ยนทุกประเทศ สำหรับปัญหาเรื่องทะเลจีนใต้ไทยสนับสนุนในเรื่องของการทำให้เป็นทะเลแห่งสันติภาพ ในส่วนของประเด็นเกาหลีเหนือ ไทยยืนยันต้องการเห็นความสงบในคาบสมุทรเกาหลี การแก้ปัญหาที่ไม่ก่อให้เกิดความรุนแรงพร้อมที่จะร่วมมือกับสหรัฐ และประชาคมระหว่างประเทศเพื่อจะผลักดันให้เกาหลีเหนือนั้นกลับไปสู่โต๊ะเจรจา

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า เรื่องการค้าการลงทุน ได้พูดถึงว่าเรามีสนธิสัญญาไมตรีระหว่างกันระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกา มีข้อตกลงว่าเราจะร่วมมือในการผลักดันมูลค่าการค้าระหว่างกันให้สูงขึ้นด้วยกลไกที่มีอยู่ ขอให้สหรัฐได้ดูแลในเรื่องของสินค้าเกษตรของไทยให้มากขึ้น เป็นการแลกเปลี่ยนต่างตอบแทนกัน ในเรื่องสินค้าเกษตร เรื่องผลไม้อะไรเหล่านี้ การหารือในภาพกว้างไปเป็นเรื่องของคณะทำงานต้องมาทำต่อ ซึ่งสินค้าจากสหรัฐอเมริกาเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ เพียงแต่ต้องขอให้ดูแลในเรื่องของราคา ราคามันสูง

อย่างไรก็ตาม ความร่วมมือด้านความมั่นคงยืนยันถึงความสำคัญของการฝึกคอบบร้าโกลด์ มีการฝึกร่วมกันมาถึง 35 ปีแล้ว มี 28 ประเทศที่ร่วมทำการฝึก ต้องการความร่วมมือจากสหรัฐในด้านการวิจัยและพัฒนา เทคโนโลยีป้องกันประเทศเพราะสหรัฐอมริกาเป็นประเทศชั้นนำ ไทยไม่ได้มีอาวุธเอาไว้เพื่อจะสู้รบ แต่มีไว้เพื่อไม่ให้เกิดการรบกัน ทำให้ขาดศักยภาพทางสงครามเท่านั้นเอง ก็คิดว่ายังมีความจำเป็น

ทั้งนี้ การมาครั้งนี้หลายคนอาจจะมองว่า มาดิวกับใครหรือจะมาซื้ออาวุธ ถ้าคิดแบบนี้ไม่ได้ ไทยไม่ใช่ประเทศมหาเศรษฐีที่มีเงินแล้วจะไปตกลงซื้ออะไรกับใครก็ได้ ทุกอย่างมีกระบวนการ ไม่ว่าจะซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ หรือสิ่งต่างๆ มันอยู่ในแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปี

 

ที่มา มติชนออนไลน์