“อภิสิทธิ์” ไม่เชื่อรมว.ลาออกทำธุรกิจ ชี้โมเดลปรับครม.แบบ “สฤษดิ์-เปรม” อาจไม่ได้ผลอีกแล้ว

“อภิสิทธิ์” จี้รัฐแจง “รมว.แรงงาน” ลาออก เชื่อไม่ได้ไปทำธุรกิจ ห่วงกม.แรงงานมีปัญหา ชี้ปรับครม.ตามแบบ “จอมพลสฤษดิ์-ป๋าเปรม” ปชช.อาจไม่ประทับใจเหมือนในอดีต

เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าเหตุการณ์ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน หลังจากเกิดเหตุมีคำอธิบายว่าอดีตรัฐมนตรีแรงงาน จะไปทำธุรกิจ แต่ถ้าเป็นแบบนั้นต้องวางแผนมาก่อน ซึ่งตนติดใจว่า ทำไมรัฐบาลไม่ตอบคำถามตรงไปตรงมาว่า การลาออกครั้งนี้เพราะมีความเห็นไม่ตรงกัน ดังนั้น จึงไม่เชื่อว่าลาออกเพื่อไปทำธุรกิจ สิ่งสำคัญในเรื่องความเห็นไม่ตรงกันมีเพียงเรื่องเดียว คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เซ็นคำสั่งมาตรา 44 โยกย้ายอธิบดีกรมการแรงงาน โดยที่ อดีตรมว.แรงงานไม่ได้รับทราบ ซึ่งในเชิงบริหาร การใช้ ม.44 ไม่สะท้อนแบบอย่างการมีธรรมาธิบาลและความโปร่งใส หากการโยกย้ายดังกล่าวมีสาเหตุจากการบริหารภายในกรมพบความชอบมาพากลก็น่าจะมีเหตุผลให้แก่สาธารณะ แต่จนถึงตอนนี้ไม่ชัดเจนว่าเหตุผลคืออะไร

นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า สิ่งที่เป็นห่วงกระทรวงแรงงาน คือการขยายเวลาจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าวที่หวังว่าจะทำให้เสร็จภายในสิ้นปีนี้ แต่ตนมองว่ายังไม่เรียบร้อย ไม่ใช่เฉพาะเรื่องจำนวนต่างด้าวที่ต้องขึ้นแรงงาน แต่ยังมีเงื่อนไขในกฎหมายเกี่ยวกับการใช้แรงงานต่างด้าวที่ปฏิบัติยาก ซึ่งก่อนหน้านี้มีคำสั่งให้แก้กฎหมายภายใน 120 วัน ถามว่าวันนี้เขาแก้ไขหรือยัง นี่คือปัญหาใหญ่ที่รัฐบาลต้องไปดู ดังนั้นถ้าไม่รีบปรับครม.รัฐบาลจะต้องไม่ทำความเสียหายแก่ส่วนรวม ซึ่งตนแปลกใจว่าทำไมรัฐบาลไม่รีบปรับ ครม. เพราะมีความจำเป็นต้องมีคนขับเคลื่อนระดับนโยบาย หากไม่เร่งทำความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดกับรัฐบาล แต่จะเสียหายทางเศรษฐกิจต่อไป ฉะนั้นจึงอยากเห็น รมว.แรงงานที่เร่งคุยกับภาคธุรกิจเอกชน

“อยากได้คนที่มีความสามารถเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม การปรับ ครม.ก็อย่าตั้งแง่กับทหาร ถ้าคนอื่นที่ไม่ใช่ทหารแต่ทำงานไม่ได้ก็ต้องปรับออกเช่นกัน ดังนั้น ยึดผลงานเป็นตัวตั้งจะดีกว่า ตอนนี้เราต้องการคนเก่งและคนมีความรู้เฉพาะด้านในสถานการณ์แบบนี้ สมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ และ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตนายกฯทั้งสองท่านนี้ ได้ใช้บุคคลเพื่อวางรากฐานหลายอย่าง แต่เมื่อสมัย พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกฯ ก็มีคนเก่งเข้ามาเหมือนกัน แต่รู้สึกว่าความประทับใจของคนไม่เหมือนในยุค พล.อ.เปรม เพราะโครงสร้างทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองเปลี่ยนแปลงไป” นายอภิสิทธิ์กล่าว

 

ที่มา : มติชนออนไลน์