ธนกร : โฆษกรัฐบาล 3 ป. ยอ “ประยุทธ์” ซื่อสัตย์ ทันโลก เทิดทูนสถาบัน

สัมภาษณ์พิเศษ
ปิยะ สารสุวรรณ

ระยะเวลา 3 ปี “ธนกร วังบุญคงชนะ”มีตำแหน่งแห่งที่ในช่วงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถึง 3 ตำแหน่ง เป็นโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นเลขานุการ รมว.คลัง (อุตตม สาวนายน อดีตหัวหน้าพรรค พปชร.) เป็นเลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (อนุชา นาคาศัย) ตำแหน่งปัจจุบัน-สูงสุดคือ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

“ประชาชาติธุรกิจ” สัมภาษณ์พิเศษ “ธนกร” โฆษกรัฐบาลคู่ใจ เขาปวารณาตัวอยู่ข้างกาย พล.อ.ประยุทธ์จนถึงนาทีสุดท้าย-ไม่หักหลัง

ตอบโต้ข่าวบิดเบือน-กู้ศรัทธา

ภาพจำของ “ธนกร” คือ การออกมาตอบโต้ทางการเมือง-ออกรับแทนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งในนามโฆษก พปชร.-เลขานุการ รมว.คลัง จนถูกตั้งสมญานาม “องครักษ์พิทักษ์ประยุทธ์”

ทว่า เมื่อ “ธนกร” มารับตำแหน่ง “โฆษกรัฐบาล” ไม่เพียงเป็น “กระบอกเสียง” ไปถึง “แฟนคลับลุงตู่” แต่ต้องสื่อสารให้คนที่ไม่นิยมชมชอบให้หันมาชอบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์

“หน้าที่หลักของโฆษกรัฐบาลคือ การสื่อสารข้อเท็จจริงถึงผลงานและการดำเนินงานของรัฐบาลที่เป็นประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชนได้เข้าใจ ต้องเป็นการสื่อสารอย่างง่าย ขณะเดียวกัน ต้องรับฟังความคิดเห็นของพี่น้องประชาชนเพื่อสะท้อนให้กับรัฐบาล เป็นการสื่อสารแบบสองทาง ส่วนพี่น้องประชาชนจะชอบหรือไม่ชอบเป็นเรื่องปกติในทางการเมือง”

“วันนี้โลกโซเชียลมีเดียมีข้อมูลบิดเบือนมากมาย อาจจะทำให้รัฐบาลเสียหายก็ต้องชี้แจง แต่มีบางสิ่งที่ประชาชนเดือดร้อนก็มี เช่น การด้อยค่าวัคซีน ประชาชนไม่กล้ามาฉีด เป็นเรื่องชีวิต ความเป็นความตายของประชาชน ส่วนการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลก็เป็นเรื่องปกติในทางการเมือง ไม่มีฝ่ายค้านที่ไหนมาชมรัฐบาลหรอก”

ไม่เพียงต้องสื่อสารให้ “ฝ่ายค้าน-ฝ่ายแค้น” ตำแหน่ง “โฆษกรัฐบาล” ยังต้องเรียกศรัทธา “กองหนุน” ให้กลับมาสนับสนุนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์อีกครั้ง รวมถึงการได้ใจประชาชนทั้ง 70 ล้านคน-77 จังหวัดทั่วประเทศ

“ผมเชื่อว่ากระแสในตัว พล.อ.ประยุทธ์มีขึ้นมีลง แต่จุดแข็งของท่าน ความซื่อสัตย์สุจริต รักชาติ รักประชาชน สำคัญที่สุด ท่านเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ยิ่งชีพ เป็นคนตรงไปตรงมา จริงใจ หลักนี้จะทำให้พี่น้องประชาชนยังรักและชื่นชม”

“ท่านยอมรับในสิ่งที่อาจจะผิดพลาดบ้าง ขอโทษพี่น้องประชาชน และสั่งการแก้ปัญหาทันทีไม่เคยใช้อำนาจหรือบ้าอำนาจเหมือนที่ฝ่ายค้านโจมตี”

“ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีของคนทั้งประเทศ ไม่ได้เป็นนายกฯของคนจังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง คนจะชอบหรือไม่ชอบบ้าง ท่านไม่มีสิทธิ์ที่จะไปโกรธ”

ถึงแม้ว่า 2 ปีที่ผ่านมารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ต้อง “ติดหล่ม” อยู่กับโควิด-19 มิหนำซ้ำยังถูกพิษราคาน้ำมันขึ้นสูง-ภัยพิบัติน้ำท่วม ฉุดกระแสรัฐบาลให้จมดิ่ง “ธนกร” มั่นใจว่าสิ่งที่รัฐบาลเตรียมการไว้ล่วงหน้า

ประกอบกับมาตรการเศรษฐกิจในช่วง 3 เดือนสุดท้ายปี’64 ถึงปี’65 จะเป็น “จุดเปลี่ยน” ภายใต้วาระแห่งชาติ “พลิกโฉมประเทศไทย”

มาตรการเศรษฐกิจช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ทัวร์เที่ยวไทย คนละครึ่ง เฟส 3 ยิ่งใช้ยิ่งได้ การเติมเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มาตรการเหล่านี้คิดเป็นเม็ดเงินอัดลงไปกว่า 9 แสนล้านบาท ไม่รวมมาตรการของกระทรวงแรงงาน มาตรา 33 มาตรา 39 มาตรา 40 และโครงการรักษาระดับการจ้างงานหัวละ 3,000 บาท3 เดือน

“ผมเชื่อว่าสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการมาเรื่องแก้ปัญหาโควิด-19 สถานการณ์จะคลี่คลาย คนที่เคยวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลและไม่พอใจ พล.อ.ประยุทธ์ในช่วงเวลานั้น พอได้เห็นในสิ่งที่ท่านทำเป็นกระบวนการ เป็นรูปแบบมาและสำเร็จ เขาจะกลับมาสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เหมือนเดิม”

“ไม่ใช่เพียงแต่เรื่องวัคซีนและมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจ วันนี้ท่านนายกฯกำลังจะไปสู่การพลิกโฉมประเทศไทย เมื่อสถานการณ์โควิดดีขึ้น มาตรการเศรษฐกิจและโครงการต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์จะเร่งดำเนินการ”

ปี 2565 พลิกโฉมประเทศไทย

“ธนกร” ขยายความคำว่า “พลิกโฉมประเทศไทย” ในปี 2565 ฉายภาพให้เห็นเป็นรูปธรรมว่า คือการใช้ดิจิทัลในการบริหารประเทศ การพัฒนาประเทศไปสู่โลกแห่งการเปลี่ยนแปลง ก้าวทันโลก เช่น เศรษฐกิจ BCG และ EEC”

ส่วน “ข้อกังขา” 7 ปีที่ผ่านมายังไม่สามารถพลิกโฉมประเทศไทย อะไรคือความมั่นใจ “ธนกร” ให้มองมุมบวก-สิ่งที่เกิดขึ้นเชิงประจักษ์ เช่น รถไฟความเร็วสูง รถไฟทางคู่ สนามบินอู่ตะเภา ท่าเรือมาบตาพุด รถไฟฟ้าสายสีต่าง ๆ 10 สายในกรุงเทพฯ มอเตอร์เวย์ระยอง มอเตอร์เวย์โคราช การลงทุนใน EEC วันนี้ได้เร่งดำเนินการจนเกิดเป็นรูปธรรมชัดเจน

“แม้กระทั่งสวัสดิการของพี่น้องประชาชน เช่น บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 13.6 ล้านคน กำลังจะปรับให้ดีขึ้น เข้าไปดูแลคนที่ตกหล่นภายในปีนี้ และเปิดให้ลงทะเบียนเพิ่มขึ้นรอบใหม่ในปีนี้ ที่วิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่จนจริงจะเข้าไปทบทวน เกณฑ์ใหม่จะชัดเจนภายใน 1-2 เดือนนี้ ท่านนายกฯมอบนโยบายไปว่า ทำอย่างไรให้ประชาชนได้ประโยชน์ที่สุด”

“เวลาเราไปช่วยพี่น้องประชาชนที่มีรายได้น้อย ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอุปโภคบริโภค เงินไม่กี่บาท ผมเคยเป็นชาวบ้าน เป็นประชาชน เป็นคนต่างจังหวัดมาก่อนผมรู้ ความยากจนเป็นอย่างไร เงินแค่นี้แต่สามารถเลี้ยงครอบครัวได้ ไม่ใช่ส่งเสริมให้คนจนมากขึ้น ฝ่ายค้านมองแบบมีโทสาคติ มีอคติเกินไป เรากำลังจะสร้างอาชีพให้ดีขึ้น แต่ในช่วงที่กำลังจะดีขึ้นต้องเข้าไปดูแล เป็นสวัสดิการที่ทั่วโลกทำแบบนี้”

“ธนกร” เชื่อว่า 2 ปี 3 เดือนที่ผ่านมาของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ นโยบายที่ดังเปรี้ยง-โดนใจประชาชนมากที่สุดคือ “โครงการคนละครึ่ง”

“เดินไปที่ไหนประชาชนตอบรับมาก ไม่ว่าประชาชนที่เห็นด้วยกับรัฐบาล อาจจะชื่นชม หรือไม่ชื่นชมท่านนายกฯ ก็เห็นด้วยกับโครงการนี้ ไปที่ไหนก็มีแต่คนพูดถึงโครงการคนละครึ่ง อย่างน้อยได้ช่วยเหลือประชาชนในภาวะวิกฤตได้ โครงการเราชนะ 40 ล้านคน โครงการคนละครึ่งอีก 20 กว่าล้านคน สิ่งที่ได้ทางอ้อมคือ ทำให้คนไทยเข้าสู่โลกดิจิทัลมากขึ้น”

ปฏิเสธไม่ได้ว่า “ม็อบเยาวชน” ยังเป็น “หนามหยอกอก” ทิ่มแทงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์อยู่ตลอดเวลาแต่ “ธนกร” การันตีได้ว่า “เบอร์ 1 ตึกไทย” พร้อมที่จะรับฟัง-ให้ความสำคัญกับคนรุ่นใหม่ โดยมี “มาตรา 112” เป็นเส้นแบ่ง-ห้ามล้ำเส้น

“พล.อ.ประยุทธ์ให้ความสำคัญกับคนทุกรุ่นและรับฟังคนรุ่นใหม่ มองวัยรุ่นเหมือนลูกหลาน บังคับใช้กฎหมายตามหลักสากล อะลุ่มอล่วยมาก วันนี้คนไทยทุกคนฉลาด การเคลื่อนไหวต่าง ๆ เชื่อมโยงกันอย่างไร มีใครอยู่เบื้องหลังหรือไม่”

“การแสดงออกทำได้ตามระบบประชาธิปไตย แต่ต้องไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น ขณะนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม อะไรที่เกินเลยไป ประชาชนไม่สนับสนุน การเรียกร้องให้แก้ไขมาตรา 112 คนไทยรับได้หรือเปล่า เคลื่อนไหวสิ่งที่ทำให้คนไทยไม่สบายใจ”

วันนี้เราต้องอยู่ด้วยกันได้ ความคิดแตกต่างกันได้ แต่ไม่จำเป็นต้องแตกแยก กลุ่มผู้นำชุมนุมต่าง ๆ ก็อยู่ในเครือข่ายกลุ่มการเมือง พรรคการเมืองอยู่แล้ว ใช้ระบบสภาในการแก้ไขปัญหาดีกว่า”

“ยังคุยกันได้ แต่อะไรที่เกินเลย อะไรที่ทำไม่ได้ ไม่ควรไปดำเนินการ เสนอในสิ่งที่เป็นไปได้ แต่บางคนไปไกลเกินกว่าที่คิด ไปไกลเกินจนหน้ากลัว”

เหตุผลหนุนเป็นนายกฯสมัย 3

ถามว่า วันนี้-วันหน้ามีเหตุผลอะไรที่ต้องเลือก พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 3 “ธนกร” พูดเป็นฉาก ๆ ว่า ถ้าถามผม ส่วนตัวนะ คำถามนี้ผมไม่ตอบก็ได้ แต่ผมอยากจะตอบ ผมไม่รู้ว่าท่านจะไปต่อหรือไม่ แต่ถ้าถามผม ท่านมีความเหมาะสมที่จะไปต่อ

1.พล.อ.ประยุทธ์มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ 2.พล.อ.ประยุทธ์เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ ทันโลก เป็นผู้อาวุโสที่ทันสมัย และ 3.สำคัญที่สุดท่านเป็นคนรักชาติ รักประชาชน เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นหัวใจ

“คนมักจะโจมตีท่านนายกฯขี้หงุดหงิด ดุบ้าง เป็นเรื่องปกติของมนุษย์ ท่านเป็นนายกฯที่เหมือนชาวบ้าน เข้าไปอยู่ในหัวใจชาวบ้าน คุณสัมผัสท่านขี้เล่น อารมณ์ดี ตัวตนของท่านเป็นชาวบ้านที่สุดแล้ว แม้ว่าท่านเป็นทหารมาก่อน แต่ท่านเป็นนายกฯที่เหมือนชาวบ้านปกติทั่วไป อันนี้จะนั่งอยู่ในหัวใจพี่น้องประชาชนได้”

บุคลิกขี้หงุดหงิด-เป็นทหาร คำพูดไม่รื่นหู “ธนกร” ถือว่าเป็นจุดแข็ง-ไม่ใช่จุดอ่อน

“จุดนี้จะกลายเป็นจุดแข็ง บางทีในช่วงเวลาหนึ่งจุดอ่อนอาจจะเป็นจุดแข็งก็ได้ ผมคิดว่าคนไทยทุกคนชอบ พล.อ.ประยุทธ์ที่ตัวตน ที่หัวใจของท่านมากกว่า ท่านไม่ fake เอาผลงานเป็นหลัก สำหรับผมมันคือจุดแข็ง ไม่ใช่จุดอ่อน”

พลังประชารัฐหลังศึกซักฟอกเกิดความขัดแย้งภายในพรรค-ปรากฏการณ์ “วัดพลัง” ของกลุ่ม-ก๊วนต่าง ๆ ในฐานะที่ “ธนกร” อยู่ในวงโคจรอำนาจ จับสัญญาณ “คีย์เมสเสจ” พี่-น้อง 3 ป. ในการยื่นมือเข้าไปคลี่คลายสถานการณ์บ้างหรือไม่

เขาออกตัว-ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกิจการภายในพรรค ถึงแม้เขาจะยังเป็นสมาชิกพรรค แต่ขอสะท้อนจากสายตาของ “คนนอกพรรค” มองเข้าไปในพรรค เชื่อว่าพรรคการเมืองเป็นแบบนี้ทุกพรรค มีปัญหาแตกต่างกันไป แต่สุดท้ายภายในพลังประชารัฐ ส.ส.ออกมาพูดชัดเจนว่า สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี สนับสนุน พล.อ.ประวิตรเป็นหัวหน้าพรรค

“พล.อ.ประวิตรเป็นบุคคลที่ ส.ส.ในพรรคให้ความเคารพมาก พล.อ.ประวิตรก็บอกแล้วว่า สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป ทุกอย่างชัด ส่วน ส.ส.ในกลุ่มต่าง ๆ มีความเห็นที่แตกต่างเป็นเรื่องปกติ ท่านหัวหน้าพรรคบริหารจัดการได้อยู่แล้ว ไม่มีปัญหา พูดจากันได้ คลี่คลายแน่นอน ทุกคนยึดโยงกับท่านนายกฯ กับท่านหัวหน้าพรรค”

อยู่กับ “ประยุทธ์” จนนาทีสุดท้าย

ในฐานะที่ “ธนกร” เคยอยู่กับนักการเมืองรุ่นเก๋า-กลุ่มสามมิตร นักการเมืองหน้าใหม่อย่าง “กลุ่มสี่กุมาร” วันนี้มาอยู่กับนายทหารนักการเมือง จึงให้เขาอธิบาย “อุดมการณ์” ของพลังประชารัฐที่จะถูกหล่อหลอมให้พรรคเป็น “สถาบันทางการเมือง” ไม่ใช่ “พรรคเฉพาะกิจ” ที่เป็นแหล่งรวมตัวของนักการเมืองเพื่อ “ต่อรองตำแหน่ง”

ชื่อของพรรคคือ พลังประชารัฐ มีความหมายในตัวอยู่แล้วคือ เป็นความร่วมมือในการทำงานให้กับประเทศชาติและบ้านเมือง ระหว่างประชาชนกับรัฐเชื่อมโยงกัน และพรรคก็มีเป้าหมายชัดเจนอยู่แล้วในการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน

ส่วนตัวผมเองไม่มีปัญหากับใคร แต่มีจุดยืนของผม ผมอยู่กับสามมิตรมาโดยเฉพาะกับท่านสมศักดิ์ เทพสุทิน ผมอยู่กับท่านมาเหมือนคนในบ้าน ท่านให้โอกาสผม ให้วิชาผมมา วันหนึ่งผมไปช่วยงานท่าน (อดีต) หัวหน้าพรรคท่านอุตตม ท่านเหมือนเป็นพี่ที่ให้โอกาส ผมก็ช่วยงานท่านจนนาทีสุดท้าย

“วันนี้ท่านนายกฯให้โอกาสผมมาทำงาน ผมก็ต้องทำงานให้ พล.อ.ประยุทธ์อย่างเต็มที่จนนาทีสุดท้ายเช่นเดียวกัน จนกว่าท่านนายกฯจะเลิก ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และไม่หักหลังใคร ท่านไว้ใจผมได้” ธนกรทิ้งท้าย