ประยุทธ์ เตรียมตั้งเอกอัครราชทูตในซาอุฯ เปิดประตูท่องเที่ยว 5 พันล้าน

SPA / AFP

ประยุทธ์ ชี้ เยือนซาอุดีอาระเบีย วันประวัติศาสตร์-จุดเริ่มต้นศักราชใหม่ไทย-ซาอุดีอาระเบีย จ่อตั้งเอกอัครราชทูต-กลไกหารือทวิภาคีร่วมมือทุกมิติ ส่งออกแรงงานไทย-เปิดประตูรับนักท่องเที่ยว สร้างได้รายได้ 5 พันล้านบาทต่อปี

วันที่ 26 มกราคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (25 ม.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แถลงการณ์ภายหลังเดินทางเยือนประเทศซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการ และเข้าเฝ้าเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด มกุฎราชกุมาร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมซาอุดีอาระเบีย

นายกรัฐมนตรีระบุว่า ผมได้เดินทางมาเยือนราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด มกุฎราชกุมาร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย/ซึ่งเป็นการเยือนในระดับผู้นำรัฐบาลระหว่างสองประเทศ เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปี

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แถลงการณ์ภายหลังเดินทาวเยือนประเทศซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แถลงการณ์ภายหลังเดินทาวเยือนประเทศซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการ

 

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ในวันนี้ ผมได้เข้าเฝ้าฯ และพบหารือกับมกุฎราชกุมารแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ซึ่งทั้งสองฝ่าย ได้เห็นชอบร่วมกันให้ปรับความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบียให้เป็นปกติอย่างสมบูรณ์แล้ว และพร้อมที่จะเปิดศักราชใหม่ของความสัมพันธ์ระหว่างกันต่อ

จากนี้ ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากความพยายามในหลายระดับของทั้งสองฝ่ายที่มีมาในช่วงที่ผ่านมา
ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับการดำเนินความสัมพันธ์ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ซึ่งในระยะแรกจะมีการแต่งตั้งเอกอัครราชทูตและการจัดตั้งกลไกการหารือทวิภาคี เพื่อรื้อฟื้นและส่งเสริมความร่วมมือในมิติต่าง ๆ ที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน อาทิ การค้าและการลงทุน ความมั่นคงทางอาหาร พลังงาน สาธารณสุข และการท่องเที่ยว

รวมทั้งแสวงหาความร่วมมือในสาขาใหม่ ๆ ของทั้งสองประเทศที่มีศักยภาพ อาทิ สิ่งแวดล้อม พลังงานหมุนเวียน และการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังยืนยันที่จะร่วมมือและสนับสนุนซึ่งกันและกัน ในกรอบพหุภาคีต่าง ๆ อาทิ องค์การ OIC (โอไอซี) อาเซียน GCC (จีซีซี) รวมถึงการเป็นเจ้าภาพ APEC ของไทยในปีนี้ด้วย

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ในการเดินทางมาเยือนซาอุดีอาระเบียครั้งนี้ ตนมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ร่วมคณะมาด้วย เพื่อผลักดันให้เกิดความร่วมมือระหว่างกันในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

ในโอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศซาอุดีอาระเบียเกี่ยวกับการจัดตั้งกลไกหารือทวิภาคีระหว่างสองประเทศ เพื่อวางแผนและกำหนดความเร่งด่วน จัดทำแผนแม่บท หรือ ไทม์ไลน์ กำหนดสาขาความร่วมมือระหว่างสองประเทศอย่างเป็นระบบ ให้เกิดการการบูรณาการ เป็นกลไกในการติดตาม ประเมินผล และทบทวนผลงานอย่างจริงจัง เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป

ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานของซาอุดีอาระเบียเกี่ยวกับการอนุญาตให้แรงงานไทยกลับเข้ามาทำงานในซาอุดีอาระเบียได้ รวมถึงการส่งเสริมแรงงานฝีมือและเฉพาะทางของไทย ซึ่งตนได้ให้กระทรวงแรงงานเตรียมการไว้แล้วล่วงหน้า คาดว่าจะทำให้เร็วขึ้น

“พี่น้องชาวไทยทุกคนครับ วันนี้เป็นวันประวัติศาสตร์ เป็นวันฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบีย ก็จะเป็นประโยชน์ร่วมกันระหว่างสองประเทศ ทั้งในมิติการเมือง ความมั่นคง ปลอดภัย เศรษฐกิจ และสังคม โดยไทยและซาอุดีอาระเบียสามารถช่วยสนับสนุนเป้าหมายในการพัฒนาของกันและกัน โดยเฉพาะนโยบายเศรษฐกิจ BCG ของไทย ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติ และวิสัยทัศน์ซาอุดีอาระเบีย ค.ศ.2030 ซึ่งประสานสอดคล้องกัน”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การฟื้นฟูความสัมพันธ์ครั้งนี้ ยังจะช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ และจะช่วยเพิ่มโอกาสทางการค้าและการลงทุนสำหรับไทยและซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในกลุ่มประเทศอาหรับ โดยเฉพาะการเสริมสร้างบทบาทของไทยในฐานะ “ครัวโลก” เพื่อสนับสนุนความมั่นคงทางอาหารของซาอุดีอาระเบีย

และในฐานะ “ศูนย์กลางทางการแพทย์และการท่องเที่ยว” ของไทย ซึ่งคาดว่าทั้งสองประเทศจะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นทั้งสองฝ่ายทั้งในเชิงธรรมชาติและสุขภาพ โดยคาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่าปีละ 5,000 ล้านบาท อีกทั้งจะช่วยส่งเสริมความมั่นคงทางพลังงานของไทย เช่น การลงทุนในพลังงานหมุนเวียน ในฐานะที่ซาอุดีอาระเบียเป็นผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันอันดับต้นของโลก

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า นอกจากนี้ในเรื่องการเดินทางหากสามารถดำเนินการในช่วงนี้ มาตรฐานโควิด-19 ของกระทรวงสาธารณสุขไทย การเดินทางไปมาหาสู่กันตามมาตรฐานของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) จะสามารถทำให้การเดินทางกลับมาสู่ปกติ สามารถรื้อฟื้นการกลับเข้าไปทำงานในซาอุดีอาระเบียของแรงงานฝีมือ แรงงานภาคบริการ และแรงงานเฉพาะทางของไทย ซึ่งก่อนการลดความสัมพันธ์ระหว่างกัน

“เราเคยมีแรงงานไทยในซาอุดีอาระเบียกว่า 300,000 คน และสร้างรายได้ส่งกลับประเทศไทยมากกว่า 9,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งมกุฎราชกุมารได้พูดกับผมว่า จะมีการก่อสร้างมากกมาย จะสร้างห้องพักเป็นล้านห้อง ซึ่งต้องใช้แรงงานจำนวนมาก และยินดีที่จะรับแรงงานไทยกลับเข้ามาทำงาน”

ก่อนเดินทางกลับประเทศไทย ผมได้มีโอกาสพบปะและสอบถามความเป็นอยู่ของชุมชนไทยในซาอุดีอาระเบีย และจะได้ยืนยันกับพี่น้องคนไทยทุกคนว่า รัฐบาลไทยจะให้ความดูแลคนไทยในซาอุดีอาระเบียเป็นอย่างดีอย่างเช่นที่ผ่านมาแน่นอน และจะมีโอกาสพบนักศึกษาไทยในซาอุดีอาระเบีย

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวทิ้งท้ายว่า ผมขอแสดงความยินดีกับการเริ่มต้นศักราชใหม่ของความสัมพันธ์ระหว่างไทยดับซาอุดีอาระเบียอีกครั้ง การเยือนครั้งนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์และเป็นการเปิดโอกาสสำหรับทั้งสองประเทศในการแสวงหาความร่วมมือระหว่างกันต่อจากนี้ ซึ่งจะนำมาซึ่งประโยชน์ร่วมกันของพี่น้องคนไทยและชาวซาอุดีอาระเบียอย่างแน่นอน