ปลุกให้คึก! “สมคิด” จี้คมนาคมเร่งลงทุนสั่ง “บินไทย” ซื้อเครื่องบิน2แสนล้าน-ชะลอเทอร์มินัล2สุวรรณภูมิ

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การตรวจเยี่ยมและติดตามงานในส่วนของกระทรวงคมนาคมวันที่ 11 ก.พ.2562 เป็นการดำเนินการต่อจากการไปตรวจเยี่ยมกระทรวงการคลัง เพื่อเร่งรัดการเบิกจ่ายในโครงการลงทุนต่างๆ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 1-2 ของปีนี้ ซึ่งได้เน้นย้ำกับผู้บริหารกระทรวงว่า การลงทุนเป็นสิ่งสำคัญมาก จะต้องเร่งรัดให้แผนงานต่างๆ เดินหน้าให้ได้มากที่สุด

@ เร่งฝูงบินใหม่-MRO อู่ตะเภา

หน่วยงานแรกที่ต้องเน้นย้ำเป็นพิเศษคือ บมจ.การบินไทย ได้เร่งรัดผู้บริหารให้ความชัดเจนการจัดซื้อเครื่องบินใหม่จำนวน 38 ลำ เงินลงทุนประมาณ 200,000 ล้านบาท เพื่อมาทดแทนเครื่องบินเก่า ซึ่งเป็นการดำเนินการตามที่มติ ครม.เมื่อวันที่ 20 เม.ย.2554 โดยจะต้องให้ชัดเจนภายในสิ้นเดือน ก.พ.นี้

ขณะที่ศูนย์ซ่อมบำรุงเครื่องบิน (MRO) ที่สนามบินอู่ตะเภา เงินลงทุน 10,588 ล้านบาท กำชับให้เร่งการเจรจากับแอร์บัสกรุ๊ปให้ได้ความคืบหน้าโดยเร็วที่สุด ห้ามช้าโดยเด็ดขาด

ยังได้กำชัยนายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.การบินไทยให้เร่งดำเนินโครงการพัฒนาประสิทธิภาพต่างๆ ของการบินไทย จะช้าไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว ทางคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ก็ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่อยู่แล้ว การบินไทยจะต้องเร่งรัดแผนงานต่างๆ ให้ได้

@ จี้ ทอท.ทำแผนหนุนบินไทยจบสิ้น ก.พ.นี้

นายสมคิดกล่าวต่อว่า ส่วน บมจ.ท่าอากาศไทย (ทอท.) ได้ย้ำไปว่า ทอท.จะต้องมีมาตรการที่เอื้อให้การบินไทยมีจุดเด่น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขันกับสายการบินในตลาดให้ได้ โดย ทอท.จะต้องไปหามาตรการดังกล่าวมาเสนอในสิ้นเดือนนี้

นอกจากนั้น ยังพบว่า ทอท.มีปัญหาเรื่องการเบิกจ่ายค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา เพราะโครงการต่างๆ ในแต่ละส่วนมีความล่าช้า เมื่อส่วนแรกเดินหน้าต่อไม่ได้ ส่วนอื่นๆ ที่ตามมาก็หยุดชะงักไป ทำให้เบิกจ่ายงบประมาณไม่ได้และสะสมเป็นปัญหาอย่างต่อเนื่อง จึงมอบหมายให้นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม ลงไปหารือกับผู้บริหาร ทอท.และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เพื่อเร่งรัดการเบิกจ่ายเท่าที่ทำได้

@ ชะลอเทอร์มินัล 2 เดินหน้ารันเวย์ 3

ขณะที่โครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 (Terminal 2) ของสนามบินสุวรรณภูมิ เงินลงทุน 42,000 ล้านบาท หลังจากที่คณะกรรมการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (บอร์ดสภาพัฒน์) มีมติให้พัฒนาตามแผนแม่บทเดิมปี 2546 แทนการก่อสร้างตามแผนแม่บทใหม่ ก็ให้ดำเนินการตามมติดังกล่าวไปก่อน โดยให้ปลัดกระทรวงคมนาคม ผู้บริหาร ทอท.หารือร่วมกับนายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสภาพัฒน์ เพื่อขอคำตอบในการพัฒนาให้ได้เร็วที่สุด

แต่โครงการก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ 3 (Runway 3) เงินลงทุน 24,651 ล้านบาท จะต้องเร่งดำเนินการได้แล้ว ขณะที่โครงการอื่นๆ ให้ ทอท.ไปตรวจสอบโครงการลงทุนในสนามบินภูมิภาคต่างๆ โครงการใดเร่งการลงทุนได้บ้าง เพื่อให้งบประมาณที่ค้างอยู่ ดำเนินการเบิกจ่ายออกไป

@ ยิ้มแหลมฉบังฉลุย

ขณะที่การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) โครงการลงทุนหลักอย่าง ท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 ท่าเทียบเรือ F เงินลงทุน 84,361 ล้านบาท กทท.รายงานในที่ประชุมว่า มีผู้มาซื้อซองประมูลทั้งสิ้น 34 ราย เพิ่มขึ้นจากครั้งที่แล้ว 2 ราย ถือว่าโครงการยังเดินหน้าตามกระบวนการ และ กทท.ยังได้เสนอแผนพัฒนาท่าเรือคลองเตยเป็น Smart Port แต่ก็ได้กำชับไปว่า นอกจากการพัฒนาแล้ว จะต้องดูแลผู้ที่อยู่อาศัยเดิมด้วย

“แม้นักลงทุนจากต่างประเทศจะยังรอปัจจัยเรื่องความชัดเจนของการเลือกตั้งเป็นสำคัญ แต่การลงทุนภาครัฐซึ่งเป็นปัจจัยที่เราควบคุมได้ จะช้าไม่ได้เด็ดขาด ที่ต้องเร่งงานในครั้งนี้ ก็เพื่อให้เกิดบาลานซ์กับภาคการส่งออกที่ยังไปได้ไม่ดี เราต้องดูแลตัวเองให้ได้ เชื่อว่าครึ่งปีแรกจะประคองตัวผ่านไปได้ และในครึ่งปีหลังเมื่อมีการเลือกตั้งและได้รัฐบาลใหม่ ทุกอย่างก็จะกระเตื้องขึ้นมาได้ และไม่ต้องกังวลอีกต่อไป” นายสมคิดกล่าว