การเคหะฯ 4.0 ดึงอีโคดีไซน์ยกระดับบ้านผู้มีรายได้น้อย

การเคหะแห่งชาติร่วมกับสถาปัตย์ลาดกระบังวิจัยแนวทางการออกแบบที่อยู่อาศัย อิงเกณฑ์ “ecovillage” ยกระดับคุณภาพชีวิตในโครงการที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง

 

ดร.ธัชพล กาญจนกูล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) กล่าวว่า ปัจจุบันโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง พบปัญหาด้านการจัดการพลังงาน การใช้น้ำ และการกำจัดขยะมูลฝอยที่มีความสัมพันธ์กับการดำเนินชีวิตประจำวันของผู้อยู่อาศัยในโครงการ จึงร่วมกับหน่วยวิจัยเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ทำการศึกษา “โครงการวิจัยแนวทางการออกแบบที่อยู่อาศัยโดยใช้เทคโนโลยีด้านพลังงาน น้ำ และการกำจัดขยะมูลฝอย เพื่อนำไปใช้ในโครงการที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง”

เพื่อศึกษาแนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีด้านพลังงาน การจัดการน้ำ และการกำจัดขยะมูลฝอย รวมถึงสำรวจความต้องการของผู้อยู่อาศัย ผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง พฤติกรรมการอยู่อาศัย และบริบทในแต่ละพื้นที่ พร้อมทั้งวิเคราะห์และเสนอแนวทางการออกแบบที่อยู่อาศัยโดยใช้เทคโนโลยีด้านพลังงาน น้ำ และการกำจัดขยะมูลฝอยที่เหมาะสม ตลอดจนออกแบบโครงการที่อยู่อาศัยต้นแบบ รวมทั้งการปรับปรุงโครงการที่อยู่อาศัยเดิม

โดยคณะผู้วิจัยได้ศึกษาโครงการตัวอย่างทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งเก็บรวบรวมข้อมูลจากการสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยใน 6 ภูมิภาคทั่วประเทศ ประกอบด้วยโครงการที่อยู่อาศัยภาครัฐ 6 โครงการ ได้แก่ บ้านเอื้ออาทรลาดกระบัง 1 บ้านเอื้ออาทรสมุทรสาคร (บางแก้ว) บ้านเอื้ออาทรชลบุรี (วัดรังษีสุทธาวาส) บ้านเอื้ออาทรขอนแก่น (ศิลา) บ้านเอื้ออาทรเชียงใหม่ (สันป่าตอง) และบ้านเอื้ออาทรภูเก็ต (ถลาง) และโครงการภาคเอกชน 6 โครงการ รวมทั้งสิ้น 450 ตัวอย่าง

พบว่าโครงการที่อยู่อาศัยภาครัฐมีการใช้พลังงานโดยเฉลี่ย 60.88 กิโลวัตต์ชั่วโมง/ตารางเมตร/ปี (kWh/sq.m.-year) มีการใช้น้ำเฉลี่ย 6.26 หน่วย/ตารางเมตร/ปี (unit/sq.m.-year) ติดตั้งเครื่องปรับอากาศ 52.58% และมีการแยกขยะ 73.23%

ขณะที่โครงการภาคเอกชนมีการใช้พลังงานโดยเฉลี่ย 49.16 กิโลวัตต์ชั่วโมง/ตารางเมตร/ปี (kWh/sq.m./year) มีการใช้น้ำเฉลี่ย 3.77 หน่วย/ตารางเมตร-ปี (unit/sq.m.-year) ติดตั้งเครื่องปรับอากาศ 67.39% และมีการแยกขยะ 67.39%

การออกแบบปรับปรุงโครงการเดิมได้คัดเลือกโครงการบ้านเอื้ออาทรลาดกระบัง 1 เป็นที่อยู่อาศัยรวม มีพื้นที่โครงการ 20-0-56 ไร่ จำนวน 1,360 หน่วย โดยการทาสีอาคารใหม่เพื่อเพิ่มค่าการสะท้อนความร้อนของผนังอาคาร ช่วยลดพลังงานไฟฟ้าต่ออาคารได้ 18.94 กิโลวัตต์ชั่วโมง/วัน (kWh/day) หรือคิดเป็นเงิน 203.44 บาท/วัน สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 4,023 KgCO2/year

การออกแบบอุปกรณ์บังแดดให้ช่องเปิดกระจกใสของห้องปรับอากาศ จากค่า SC = 1 เป็น SC = 0.7 ช่วยลดพลังงานไฟฟ้าต่ออาคารได้ 1.62 กิโลวัตต์ชั่วโมง/วัน (kWh/day) หรือคิดเป็นเงิน 6.02 บาท/วัน สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 345.01 KgCO2/year

การเปลี่ยนหน้าต่างบานเกล็ดเป็นบานเลื่อน ช่วยลดพลังงานไฟฟ้าต่ออาคารได้มากถึง 148.37 กิโลวัตต์ชั่วโมง/วัน (kWh/day) คิดเป็นเงิน 550.44 บาท/วัน สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 31,523 KgCO2/year

รวมถึงการติดตั้งพลังงานโซลาร์เซลล์บนหลังคาเพื่อลดการใช้พลังงานไฟฟ้าในเวลากลางวัน และการออกแบบกิจกรรมเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้แก่ผู้อยู่อาศัยในโครงการ

ส่วนการออกแบบโครงการใหม่ที่ อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม พื้นที่โครงการ 37.73 ไร่ เป็นบ้านแฝดจำนวน 390 หน่วย โดยใช้แนวคิดการวางอาคารตามทิศเหนือ-ใต้ ใช้ไฟถนน LED ระบบพลังงานโซลาร์เซลล์ ออกแบบบ้านให้มีชายคาโดยรอบเพื่อลดความร้อนจากดวงอาทิตย์ ใช้ระบบระบายอากาศภายในบ้าน active air flow

สรุปผลการศึกษาออกแบบโครงการด้วยเกณฑ์ ecovillage พบว่าโครงการที่ออกแบบสามารถผ่านเกณฑ์ในระดับ certify ระดับ silver สำหรับการวิเคราะห์บ้านที่ออกแบบด้วยเกณฑ์ประสิทธิภาพอาคารเบอร์ 5 ได้คะแนนเฉลี่ยรวม 92 คะแนน ทำให้บ้านที่ออกแบบได้ค่าประสิทธิภาพเบอร์ 5

ด้านผลการวิเคราะห์เกณฑ์มาตรฐานประสิทธิภาพพลังงานของบ้านอยู่อาศัย พบว่าอาคารที่ออกแบบผ่านเกณฑ์ที่กำหนด โดยการติดตั้งฉนวนใยแก้วหนา 3 นิ้ว บนฝ้าเพดานจะทำให้บ้านที่ออกแบบใช้พลังงานลดลงมากถึง 45.03% สามารถคืนทุนภายใน 5 เดือน 14 วัน

การเลือกวัสดุมุงหลังคาสีอ่อนจะช่วยให้บ้านที่ออกแบบใช้พลังงานลดลง 18.37% ในขณะที่ถ้าเลือกใช้วัสดุมุงหลังคาสีเข้ม บ้านที่ออกแบบจะใช้พลังงานมากขึ้น 18.36%

การเลือกติดตั้งเครื่องปรับอากาศที่ได้ฉลากเบอร์ 5 ณ ปีล่าสุด จะทำให้บ้านที่ออกแบบใช้พลังงานลดลง 8.69% หรือเลือกติดตั้งเครื่องปรับอากาศแบบ inverter ที่ได้ฉลากเบอร์ 5 ณ ปีล่าสุด จะช่วยให้ใช้พลังงานลดลง 20.24%