สัมภาษณ์พิเศษ
กลายเป็นอธิบดีป้ายแดงแบบเหนือความคาดหมาย สำหรับ “ทวี เกศิสำอาง” จากรองอธิบดีกรมทางหลวง ดูงานด้านบริหาร ข้ามห้วยไปรั้งเก้าอี้ใหญ่แห่งกรมท่าอากาศยาน ปาดหน้า 3 ลูกหม้อที่จ่อมานาน ได้แต่มองตาปริบ ๆ
- จีนแบน 3 บริษัทสหรัฐ ห้ามทำการค้า ห้ามผู้บริหารเข้าประเทศ
- เปิด 20 อันดับโรงพยาบาลดีที่สุดในไทย ปี 2567
- วิธีลงทะเบียนแอป ทางรัฐ ยืนยันตัวตน รับเงินดิจิทัล 10,000 บาท
ปัจจุบัน “ทวี” อายุ 58 ปี มีคิวเกษียณในปี 2564 ดีกรีวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ปริญญาโทวิศวกรรมโยธา สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) มีเพื่อนร่วมรุ่นที่เป็นผู้บริหารระดับสูงหลายคน ทั้งส่วนราชการและบริษัทเอกชนเลื่องชื่อ
เริ่มรับราชการในปี 2526 ที่กรมทางหลวง กองวางแผน ตำแหน่งวิศวกรโยธา จากนั้นเติบโตตามสายงานทั้งนายช่างแขวงขอนแก่น ผู้อำนวยการแขวงชัยภูมิ รองผู้อำนวยการแขวงนครราชสีมา เพชรบูรณ์ และใน 2559 ขึ้นรองอธิบดีฝ่ายบริหาร และได้รับคัดเลือกเป็นอธิบดีกรมท่าอากาศยาน (ทย.) เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมา
“ทวี” เปิดใจกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การที่ตัดสินใจลงสมัครคัดเลือก เพราะโดยส่วนตัวก็มีความรู้งานทางอากาศอยู่บ้าง และงานกรมท่าอากาศยานในสเต็ปต่อไป จะเป็นเรื่องของการเพิ่มขีดความสามารถของสนามบินภูมิภาคที่ดูแล 29 แห่ง ก็ใช้ประสบการณ์จากกรมทางหลวงที่ผ่านมาไปบริหารจัดการได้
“ตอนนี้เร่งสางงานเก่าที่กรมทางหลวงให้เสร็จก่อน คือ การปิดดีลเจรจางานระบบเก็บค่าผ่านทางมอเตอร์เวย์สายบางปะอิน-โคราช และบางใหญ่-กาญจนบุรี ให้จบในเดือน ธ.ค.นี้ เพราะเป็นคนเริ่มเจรจามาแต่แรก ตอนนี้มีเคลียร์เรื่องค่าเวนคืนจบแล้วของบางใหญ่ จะเริ่มงานก่อสร้างไปพร้อม ๆ กับงานติดตั้งระบบ ต้นปีหน้าจะเซ็นสัญญาและเริ่มงานได้ใน 6 เดือน คาดว่าช่วงบางใหญ่-กาญจนบุรีจะออกหนังสือให้เริ่มงานเป็นช่วง ๆ ตามความพร้อมของพื้นที่”
ขณะเดียวกันได้เริ่มเข้าไปศึกษางานของกรมท่าอากาศยานบ้างแล้ว หลังจาก ครม.มีมติอนุมัติ อย่างแรกที่จะต้องเร่งดำเนินการ คือ การเบิกจ่ายงบประมาณปี 2562 ที่ยังล่าช้าอยู่ รวมถึงเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 2563 และอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่มาใช้บริการสนามบินทั้ง 28 แห่ง ให้สะดวกและรวดเร็วในช่วงปีใหม่นี้
“ให้จัดทำแผนโครงการเก่าและโครงการใหม่ มาเพื่อลำดับความสำคัญ เช่น งานเก่าที่ทำสัญญาก่อสร้างอยู่ติดปัญหาอะไร จะเร่งให้เร็วขึ้น ส่วนงานใหม่ก็ต้องเตรียมพร้อม หลังที่กรรมาธิการผ่านวาระ 2 แล้ว จะต้องเตรียมออกประกาศทีโออาร์เปิดประมูล เช่น ออกแบบเสร็จหรือยัง”
งานโครงการใหม่ คาดว่ากรมจะได้งบประมาณ 6,000 ล้านบาท เช่น ขยายสนามบินกระบี่ บุรีรัมย์ ลำปาง สุราษฎร์ธานี นราธิวาส หัวหิน เป็นต้น
ในส่วนของสนามบินนครปฐม ยังอยู่ในขั้นตอนศึกษารูปแบบการลงทุน ว่าแบบไหนถึงจะคุ้ม เช่น รูปแบบ PPP จะให้เอกชนรับสัมปทานหรือจ้างบริหาร จะใช้เวลาอีกพักใหญ่
อีกเรื่องที่ต้องผลักดัน คือ การนำเงินจากกองทุนหมุนเวียนของกรมในปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 1,500 ล้านบาท ปรับปรุงพัฒนาสนามบินเพื่อให้เกิดความคล่องตัว เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.ได้ประชุมพิจารณาการดำเนินงานของเงินทุนหมุนเวียนกรม ให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.การเดินอากาศ 2562 ให้ไว้ ณ วันที่ 24 พ.ค. 2562 มาตรา 35 ระบุว่า เงินทุนหมุนเวียนสามารถใช้จ่ายปรับปรุงและพัฒนาด้านความปลอดภัย และจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสาร รวมถึงสนับสนุนกิจการอื่นในการบริหารจัดการท่าอากาศยาน เช่นซ่อมลิฟต์ บันไดเลื่อน สายพานลำเลียง ที่มีข้อขัดข้องไม่สามารถตั้งงบฯไว้ล่วงหน้าได้ รายได้ที่เข้าสู่กองทุนจึงเป็นกลไกจัดการแก้ไขปัญหาได้