เฟิรม์แล้ว! “สุชาติ ชลศักดิ์พิพัฒน์” ทิ้งเก้าอี้ผู้ว่าการทางฯ ประธานบอร์ดโต้ไม่เกี่ยวปมยุติสัมปทาน BEM

สุชาติ-ชลศักดิ์พิพัฒน์

นายสุรงค์ บูลกุล ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.) เปิดเผย ”ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 7 ม.ค.2563 นายสุชาติ ชลศักดิ์พิพัฒน์ ได้ยื่นหนังสือลาออกจากผู้ว่าการทางพิเศษฯ แล้ว เนื่องจากมีเหตุผลส่วนตัวมีความไม่สบายในหลายเรื่อง ผมไม่สามารถตอบแทนท่านได้

@ย้ำที่ผ่านมาทำงานร่วมกันดี

“ผมกับผู้ว่าฯสุชาติ ในช่วงเวลาทำงานร่วมกันก็ทำงานร่วมกันได้ดี ไม่มีอะไรขัดแย้งกัน ต่างคนต่างมีบทบาทหน้าที่แตกต่างกันไป หน้าที่ของบอร์ดคือนำนโยบายมาสู่ภาคปฎิบัติ ส่วนฝ่ายบริหารก็ต้องดูแลองค์กรภายใน “

แต่ในช่วงหลังมีหลายเรื่องรุมเร้าการทางพิเศษฯ มีความเห็นแตกต่างกัน ทั้งนโยบายของรัฐ มีเรื่องความต้องการของสหภาพและพนักงาน ในบางเรื่องก็มีความสอดคล้องกัน แต่บางเรื่องก็ไม่สอดคล้อง ซึ่งหน้าที่บทบาทของบอร์ดคือดูแลรักษาผลประโยชน์ขององค์กร ตามนโยบายที่รัฐกำหนดไว้ให้ดีที่สุด อะไรที่ทำได้โปร่งใสก็ต้องรีบดำเนินการ

@รอบอร์ดอนุมัติ 23 ม.ค.นี้

“ผลการลาออกต้องรอการอนุมัติจากบอร์ดวันที่ 23 ม.ค.นี้ ถ้ายื่นวันนี้ จะมีผลอีก30 วัน แต่ก็ยังทำงานอยู่เพราะตามสัญญาจ้างต้องแจ้งล่วงหน้า 30 วัน แต่คาดว่าคงไม่ทันกับที่เซ็นสัญญาสัมปทานทางด่วนที่เพิ่งได้ข้อยุติไปีแล้ว ส่วนการตั้งรักษาการต้องมีขั้นตอน แต่ถ้าผู้ว่าฯไม่ปฎิบัติภารกิจในช่วงนี้จะต้องตั้งรักษาการมาปฎิบัติภารกิจแทนได้”

ผู้ว่าสื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวว่าการที่ผู้ว่าฯลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากมีข้อขัดแย้งในที่ประชุมบอร์ดเกี่ยวกับข้อยุติสัมปทานทางด่วนที่จะต่อสัญญาให้บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ(BEM) อีก 15 ปี 8 เดือน

สุรงค์ บูลกุล

@คิดต่างเป็นเรื่องปกติ

นายสุรงค์กล่าวว่า ผมว่าเป็นเรื่องปกติที่จะมีความคิดเห็นแย้งกัน ทุกคนทำหน้าที่มีแนวคิดอิสระ แต่ต้องเคารพความเห็นซึ่งกันและกัน ต้องคำนึงภารกิจ และบริบทที่ทำในวันนั้น ซึ่งเมื่อวาน(6ม.ค.) กระทรวงมีนโยบายให้บอร์ดกลับมาทบทวนสัญญาและเจรจากับBEM ในกรณีไม่มีการลงทุนทางด่วนชั้นที่2 ช่วงประชาชื่น-อโศก หรือ Double Deck วงเงินกว่า 30,000 ล้านบาท

เนื่องจากมองว่าเป็นโครงการที่ยังต้องผ่านอีกหลายขั้นตอน ส่วนมูลหนี้ข้อพิพาทได้พิจารณาจบกันไปนานแล้วจะยุติข้อพิพาทที่มีต่อกันทั้งหมด 17 คดี คิดเป็นมูลหนี้ 58,873 ล้านบาท

และจะขยายสัญญาให้ใน 3 โครงการ ไปสิ้นสุดพร้อมกันในวันที่ 31 ต.ค.2578 ได้แก่ 1.สัญญาทางด่วนขั้นที่ 2 ส่วน A B และ C จะต่อระยะเวลา 15 ปี 8 เดือนเป็นหลักจากเดิมจะสิ้นสุดวันที่ 29 ก.พ.2563

2.ขยายสัญญาทางด่วนขั้นที่ 2 ส่วน D เป็นระยะเวลา 8 ปี 6 เดือน จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 22 เม.ย.2570 และ 3.ขยายสัญญาทางด่วนบางปะอิน – ปากเกร็ดเป็นระยะเวลา 9 ปี 1 เดือน จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 27 ก.ย.2569

นอกจากนี้บริษัทจะสร้างทางเชื่อมตรงสถานีกลางบางซื่อให้ จะปรับค่าผ่านทาง 10 บาทในทุก 10 ปี ลดค่าผ่านทางในวันหยุดราชการตลอดอายุสัญญา และให้สิทธิBEM ได้เจรจาต่อสัญญาเป็นรายแรก ครั้งละ 10 ปี 2 ครั้ง รสม 20 ปี ซึ่งในการแก้ไขสัญญาครั้งนี้บริษัทได้ใช้สิทธิไปแล้ว 15 ปี 8 เดือน เท่ากับทางด่วนขั้นที่2 ส่วนA B C เหลืออีก 4 ปี 4 เดือน เท่านั้นที่จะต้องเจรจากันในครั้งต่อไป

@ผู้ว่าฯกทพ.ให้ถามประธานบอร์ด

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังนายสุชาติถึงการตัดสินใจลาออกจากผู้ว่าการการทางพิเศษฯ ซึ่งนายสุชาติ ตอบสั้นๆว่า “มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ และขอให้ถามทางประธานบอร์ดเอง”

ศักดิ์สยาม ชิดชอบ

@ศักดิ์สยามโบ้ยไม่รู้

ด้านนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงานกรณีนายสุชาติ ชลศักดิ์พิพัฒน์ ผู้ว่าการการทางพิเศษฯจะยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง เท่าที่รู้ก็ทราบมาจากข่าว

ทั้งนี้ หากนายสุชาติลาออกจริงๆ ตามกระบวนการแล้ว ตนก็ไม่สามารถไปยับยั้งอะไรได้ ต้องให้มีผลไปตามเงื่อนไขในสัญญาจ้าง และบอร์ด ของกทพ.ก็จะต้องตั้งรักษาการผู้ว่าขึ้นมาอยู่แล้ว จึงไม่น่าห่วงอะไร ส่วนจะส่งผลกับการเจรจาเพื่อยุติข้อพิพาททางด่วนกับBEMหรือไม่นั้น ตนมองว่าทุกอย่างก็ยังดำเนินการตามไทม์ไลน์ที่เคยให้ไว้ได้ตามปกติ

“ส่วนสาเหตุจะลาออกเพราะอะไร ต้องไปถามเอง อย่ามาถามผม ผมจะไปรู้ใจเขาได้อย่างไร อาจจะมีปัญหาของท่านเอง ผมก็ไม่รู้ ส่วนประธานบอร์ด ก็ไม่จำเป็นที่ผมจะต้องไปถาม เพราะไม่ใช่น้าที่รัฐมนตรีที่ต้องไล่บี้ถาม” นายศักดิ์สยามกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คาดว่าผู้ที่จะมารักษาการผู้ว่าการการทางพิเศษฯแทนนายสุชาติ จะเป็นนายดำเกิง ปานขำ รองผู้ว่าการฝ่ายปฎิบัติการ

สำหรับงานใหญ่ของกทพ.ที่รอสะสาง นอกจากปิดดีลสัมปทานทางด่วนกับBEM เพื่อยุติข้อพิพาทแล้ว ยังมีอีกหลายโครงการ เช่น เซ็นสัญญาก่อสร้างทางด่วนพระราม3-ดาวคะนอง-วงแหวนตะวันตก ยังเหลืออีก 3 สัญญา งานก่อสร้างทางด่วนขั้นที่3 สายเหนือช่วงN2 แยกเกษตรไปเชื่อมกับวงแหวนตะวันออก วงเงินกว่า 17,000 ล้สนบาท