วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 08.30 น. ณ โรงตรวจสภาพรถ อาคาร 4 กรมการขนส่งทางบก นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก พร้อมด้วยผู้บริหารกรมการขนส่งทางบก รณรงค์สร้างความตระหนักในการป้องกันควบคุมโรค ลดความเสี่ยงจากโรคติดต่อทางเดินหายใจจากเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019
พร้อมแจกหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือให้แก่ผู้ขับรถแท็กซี่ เนื่องจากถือว่าเป็นกลุ่มผู้ให้บริการขนส่งสาธารณะที่ใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยวมากที่สุด มีความเสี่ยงสูงต่อการแพร่และรับโรคติดต่อทางเดินหายใจได้ง่าย
- กรมอุตุฯเตือน 6-11 พ.ค.นี้ ฝนตกหนักหลายพื้นที่ รวมกทม.และปริมณฑล
- ธ.ก.ส. เผย สินเชื่อดอกเบี้ยล้านละร้อย เหลือวงเงินกู้อีก 1.5 หมื่นล้าน
- วงจรอุบาทว์
นายจิรุตม์เปิดเผยว่า จากการระบาดเชื้อไวรัสโคโรน่าและได้พบผู้ติดเชื้อไวรัสในต่างประเทศ รวมถึงประเทศไทยนั้นพบว่ามีผู้ขับรถแท็กซี่ติดเชื้อไวรัสดังกล่าวและอยู่ในระหว่างการรักษาและควบคุมของกระทรวงสาธารณสุขอย่างใกล้ชิด
เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อความปลอดภัยด้านสุขภาพของผู้ขับรถและผู้โดยสาร ขอให้เพิ่มความระมัดระวังดูแลสุขอนามัยอย่างเคร่งครัด สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่ทำหน้าที่ให้บริการผู้โดยสาร ล้างมือให้สะอาดหรือใช้แอลกอฮอล์เจลล้างมืออยู่เสมอ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการป้องกันตัวเอง
เพราะโอกาสติดเชื้อมาจากการสัมผัสกับเชื้อในละอองฝอยที่มือไปสัมผัสมาแล้วมาป้ายที่ตาหรือหยิบจับอาหารเข้าปาก และควรทำความสะอาดห้องโดยสารทุกครั้งก่อนและหลังที่รับส่งผู้โดยสารหรืออย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับรถแท็กซี่และผู้โดยสาร
นอกจากนี้ กรมการขนส่งทางบก กรมควบคุมโรค และกรมการท่องเที่ยว บูรณาการร่วมกันจัดบุคลากรทางการแพทย์มาให้บริการตรวจสุขภาพและประเมินความพร้อมด้านร่างกายของผู้ขับรถแท็กซี่ก่อนการขับขี่ (Fitness to Drive) ระหว่างวันที่ 12-13 กุมภาพันธ์ 2563 ณ บริเวณอาคาร 4 ชั้น 1 กรมการขนส่งทางบก
โดยจะให้บริการตรวจสุขภาพเบื้องต้น ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ เอกซเรย์ปอด ทดสอบการมองเห็นระยะไกล โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้โดยสารว่าจะไม่ได้รับเชื้อโรคจากการใช้บริการรถสาธารณะ นอกจากนี้ผลการตรวจสุขภาพ และใบรับรองแพทย์ที่ได้รับสามารถนำไปประกอบการดำเนินการขอต่ออายุใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะได้อีกด้วย
อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอให้ผู้ขับรถแท็กซี่รวมถึงผู้ขับรถสาธารณะทุกประเภทสำรวจตนเองอยู่เสมอ หากพบอาการไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ มีไข้ ควรรีบพบแพทย์ทันที และขอให้ช่วยสังเกตอาการของผู้โดยสาร หากพบว่าผู้โดยสารมีอาการระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุข หรือแจ้งสายด่วน 1584 เพื่อประสานส่งต่อผู้ป่วยให้เข้ารับการรักษาต่อไป