
ศูนย์วิจัยผึ้งพื้นเมืองฯ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เผยไทยผลิตน้ำผึ้งสูงลำดับ 36 ของโลก รายได้ส่งออกปีละ 600 ล้านบาท ประธานภูมิภาคสมาคมผู้เลี้ยงผึ้งนานาชาติ วางแผนเร่งผลักดันมาตรฐานน้ำผึ้งเขตร้อน ปรับรูปแบบทำเกษตร หวังเพิ่มรายได้ส่งออก
วันที่ 16 ธันวาคม 2565 รศ.ดร.อรวรรณ ดวงภักดี ผู้บริหารศูนย์วิจัยผึ้งพื้นเมืองและแมลงผสมเกสร (Bee Park) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) และประธานภูมิภาคเอเชียคนล่าสุดของสมาคมผู้เลี้ยงผึ้งนานาชาติ (International Federation of Beekeepers’ Association: Apimondia) เปิดเผยว่าประเทศไทยมีสภาพพื้นที่และอากาศเหมาะกับการทำเลี้ยงผึ้ง และผลิตน้ำผึ้งสูงเป็นลำดับ 36 ของโลก แต่กลับมีรายได้จากการส่งออกน้ำผึ้งเพียงปีละประมาณ 600 ล้านบาท (ข้อมูลกรมส่งเสริมการเกษตร, 2563) ขณะที่มูลค่าตลาดน้ำผึ้งโลก 5 หมื่นล้านบาทต่อปี เพราะมีข้อจำกัดของน้ำผึ้งไทย 2 เรื่องสำคัญคือ “มาตรฐานน้ำผึ้งสากล” และ “การสื่อสารเรื่องคุณค่าทางโภชนาการ”
มาตรฐานน้ำผึ้งเป็นของยุโรป-แอฟริกา
เนื่องจากมาตรฐานน้ำผึ้งในระดับสากลที่ใช้กันในปัจจุบัน (Codex standard for honey) เกิดจากการผลักดันของกลุ่มอุตสาหกรรมเลี้ยงผึ้ง และผลิตน้ำผึ้งของประเทศผู้ผลิตและส่งออกในยุโรปและแอฟริกา ที่เป็นน้ำผึ้งจากการเลี้ยงผึ้งพันธุ์ (ผึ้งฝรั่ง)
ขณะที่การเลี้ยงผึ้งของคนเอเชียรวมถึงในบ้านเรา มีปัจจัยหลายอย่างต่างออกไป ที่นอกจากจะมีความหลากหลายของชนิดผึ้งแล้ว (ประเทศไทยมีการเลี้ยงผึ้งในเชิงเศรษฐกิจเพื่อผลิตน้ำหวาน อย่างน้อย 6 สายพันธุ์) ยังมีสภาพพื้นที่และภูมิอากาศทั้งอุณหภูมิ หรือปริมาณแสง รวมถึงชนิดพันธุ์ของอาหารผึ้ง (ดอกไม้) ที่แตกต่างไป
ทำให้น้ำผึ้งที่ได้ไม่ตรงตามมาตรฐานในหลายจุด เช่น สี ความเจือจาง ขณะเดียวกันในเชิงนโยบายประเทศไทยยังต้องสร้างกลไกความร่วมมือกันของกลุ่มผู้เลี้ยงผึ้งในระดับภูมิภาคเพื่อสร้างมาตรฐานน้ำผึ้งที่ใช้ได้กับทุกประเทศในแถบนี้

น้ำผึ้งเขตร้อนโภชนาการดี แต่ไม่มีพลังสื่อสาร
รศ.ดร.อรวรรณกล่าวต่อว่า ในด้านคุณค่าทางโภชนาการนั้นแม้จะมีงานวิชาการที่ยืนยันมีคุณสมบัติอันโดดเด่นของน้ำผึ้งเขตร้อนในการเป็นอาหารทางเลือก (functional food) หรืออาหารเพื่อสุขภาพ (Healthy Food) แต่ก็ไม่มีพลังที่จะสื่อสารสิ่งนี้ไปสู่การรับรู้ในระดับสากล
หนึ่งในตัวอย่างของการวัดคุณภาพของน้ำผึ้ง คือ ค่า UMFHA (Unique Manuka Factor Honey Association) ในการออกฤทธิ์ต้านแบคทีเรียตามธรรมชาติที่ใช้กับน้ำผึ้งมานูก้า (Manuka Honey) ด้วยเลข 5-10-15 และ 20 โดยหากเป็นน้ำผึ้งมานูก้า UMFAH 20 จะมีราคาซื้อขายถึงกิโลกรัมละ 18,000 บาท
ซึ่งจากวิเคราะห์ตัวอย่างน้ำผึ้งทั้งจากฟาร์มเลี้ยงในไทยและประเทศเพื่อนบ้านพบว่า มีน้ำผึ้งเขตร้อนที่มีคุณสมบัติเทียบเท่า UMFHA 20 ไม่น้อยกว่า 1 ใน 4 หรือ 25 เปอร์เซ็นต์ และนอกจากคุณภาพนี้แล้ว ผลการศึกษาทั้งของศูนย์ Bee Park รวมถึงของหน่วยงานและสถาบันอุดมศึกษาอื่น ๆ ยังระบุถึงการค้นพบสารสำคัญอื่นๆ ในน้ำผึ้งไทยที่มีศักยภาพอีกหลายชนิด เช่น สารต้านการอักเสบ สารที่มีคุณสมบัติยับยั้งพิษ ฯลฯ แต่เสียงของประเทศไทยเพียงเสียงเดียว ไม่อาจเปลี่ยนทัศนคติที่มองว่าน้ำผึ้งเขตร้อนเป็นเพียงสารให้ความหวานไปสู่คุณค่าใหม่ ๆ เหล่านี้ได้
สร้างมาตรฐานผลักดันธุรกิจน้ำผึ้งเขตร้อน
“ดังนั้น 6 ปีต่อจากนี้ ในฐานะหนึ่งในทีมบริหาร Apimondia ซึ่งเป็นสมาคมด้านการเลี้ยงผึ้งและธุรกิจน้ำผึ้งอันดับหนึ่งของโลกที่มีอายุกว่า 125 ปี (ก่อตั้งปี ค.ศ. 1895) สิ่งที่ตั้งใจไว้ก็คือ การผลักดันให้เกิดการสร้างมาตรฐานน้ำผึ้งเขตร้อนและการสื่อสารคุณค่าของน้ำผึ้งเขตร้อน”
“บทบาทสำคัญของ Apimondia ในเวทีการค้าโลก คือการผลักดันทิศทางธุรกิจน้ำผึ้ง ทั้งนโยบาย การจัดการ รวมถึงกฎหมายและมาตรฐานต่าง ๆ ให้เป็นไปในทิศทางที่เหมาะสม ในฐานะประธานภูมิภาคเอเชีย จะทำให้ตนเองสามารถหารือประเด็นเหล่านี้กับสมาชิกในประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค เพื่อนำไปสู่ความร่วมมือกันให้เกิดมาตรฐานน้ำผึ้งเขตร้อนให้ได้
รวมถึงการสนับสนุนผลักดันให้เครือข่ายเหล่านี้ผลักดันให้เกิดการนำมาตรฐานไปใช้ในประเทศของตนเอง ควบคู่ไปกับการช่วยกันสื่อสารข้อมูลจุดเด่นของน้ำผึ้งเขตร้อนในแง่ของการเป็นอาหารสุขภาพหรืออาหารทางเลือกไปสู่กลุ่มผู้บริโภคที่เป็นลูกค้าทั้งในเอเชียและภูมิภาคอื่นๆ อย่างต่อเนื่องโดยหวังว่าท้ายที่สุดแล้ว จะทำให้เกิดการยอมรับมาตรฐานน้ำผึ้งเขตร้อนในระดับสากลได้ในที่สุด”
ลดใช้สารเคมี
รศ.ดร.อรวรรณกล่าวว่า นอกจากมาตรฐานผึ้งเขตร้อนจะช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้เลี้ยงผึ้งโพรง ผึ้งมิ้ม ผึ้งหลวง ชันโรง หรือฟาร์มผึ้งพันธุ์ฝรั่งของประเทศไทยแล้ว การปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำการเกษตรในพื้นที่โดยรอบให้เหมาะสม โดยเฉพาะการทำการเพาะปลูกหรือปศุสัตว์ที่ลดการพาสารเคมีและยาฆ่าแมลง เพื่อให้ได้น้ำผึ้งที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน
นอกจากจะลดผลกระทบจากการใช้สารเคมีที่มีต่อสิ่งแวดล้อม และตัวเกษตรกรแล้ว ผึ้งยังสามารถช่วยเพิ่มการติดผลของพืชเศรษฐกิจ อันหมายถึงผลผลิตที่เพิ่มขึ้นให้กับเกษตรกรได้อีกทางหนึ่ง
สำหรับศูนย์วิจัยผึ้งพื้นเมืองและแมลงผสมเกสร (Bee Park) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) เป็นหน่วยงานที่มีการศึกษาวิจัยและถ่ายทอดความรู้เทคโนโลยีด้านการเลี้ยงผึ้งและผลิตภัณฑ์จากผึ้งให้กับเกษตรกร และผู้ประกอบการทั้งในและมีการทำงานร่วมกับสถาบันวิจัยด้านผึ้งในหลายประเทศมากว่า 15 ปี ส่วนสมาคมผู้เลี้ยงผึ้งนานาชาติ (International Federation of Beekeepers’ Association: Apimondia) เป็นสมาคมที่ประกอบด้วยตัวแทนจากสมาคมผู้เลี้ยงผึ้งและผู้จำหน่ายน้ำผึ้งกว่า 120 สมาคมทั่วโลก