25 ปี สตาร์บัคส์ มุ่งสู่ธุรกิจเพื่อแบ่งปันให้ชุมชน

การเดินทางกว่า 25 ปีของ “สตาร์บัคส์ ประเทศไทย” ทำให้มีร้านสาขาทั่วประเทศถึง 465 สาขา มีพาร์ตเนอร์ (พนักงาน) กว่า 4,300 คน ที่รวมพลังส่งมอบประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้ามากกว่า 800,000 คนต่อสัปดาห์ นอกจากนั้น บริษัทตั้งใจที่จะยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีให้กับทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ตั้งแต่ชุมชนชาวไร่ผู้ปลูกกาแฟ ไปจนถึงประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ใกล้เคียงร้านสาขา

สำหรับปี 2566 สตาร์บัคส์ ประเทศไทย เฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปี พร้อมกับเปิดร้านกาแฟเพื่อชุมชน (Starbucks Community Store) แห่งที่ 2 โดยพลิกโฉมร้านสตาร์บัคส์ รีเสิร์ฟ เจ้าพระยา รีเวอร์ฟร้อนท์ ไอคอนสยาม พร้อมกับตั้งเป้าเปิดร้านกาแฟเพื่อชุมชนให้ครบ 8 แห่งในไทยภายในปี 2573 รวมทั้งเปิดร้านสาขาปกติให้ครบ 800 สาขา

เนตรนภา ศรีสมัย

ธุรกิจแบบแบ่งปัน

“เนตรนภา ศรีสมัย” กรรมการผู้จัดการ สตาร์บัคส์ ประเทศไทย กล่าวว่า ร้านกาแฟสตาร์บัคส์เพื่อชุมชนถูกออกแบบให้มีสภาพแวดล้อมเอื้อให้พาร์ตเนอร์สามารถเป็นส่วนหนึ่ง และมีส่วนร่วมกับชุมชนในรูปแบบเฉพาะ ซึ่งจะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละร้านสาขา

โดยร้านกาแฟเพื่อชุมชนแห่งแรกตั้งอยู่ที่หลังสวน กรุงเทพฯ เปิดเมื่อปี 2556 ดำเนินธุรกิจแบบแบ่งปัน คือ 5% ของยอดขายเมล็ดกาแฟม่วนใจ๋เบลนด์ และ 10 บาทจากการจำหน่ายเครื่องดื่มสตาร์บัคส์ทุกแก้วในร้านนี้ ถูกนำไปมอบแก่ชุมชนไร่กาแฟในภาคเหนือของประเทศไทย ผ่านมูลนิธิพัฒนาชาวเขาแบบผสมผสาน (ITDF)

“ที่ผ่านมาเราบริจาคไปแล้ว 17 ล้านบาท เพื่อให้ทางมูลนิธินำเงินไปใช้กับโครงการต่าง ๆ เช่น น้ำดื่มสะอาด ปรับปรุงโรงเรียน และสิ่งอำนวยความสะดวก การฝึกอบรมชาวบ้าน และผู้ประสานงานด้านการเพาะปลูกกาแฟ เพื่อสนับสนุนการควบคุมคุณภาพกาแฟ และหลักปฏิบัติ C.A.F.E. ในกลุ่มชาวไร่กาแฟ”

สำหรับร้านกาแฟเพื่อชุมชนแห่งใหม่แห่งที่ 2 อยู่ที่ไอคอนสยาม ซึ่งเป็นร้านสตาร์บัคส์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตั้งเป้าสร้างผลกระทบเชิงบวกแก่ชุมชนรอบ ๆ สาขา และดำเนินธุรกิจแบบแบ่งปันรายได้ โดย 10 บาทจากการจำหน่ายกาแฟทุกแก้วจะถูกแบ่งปันอย่างเท่าเทียมกันให้แก่ 2 องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร

ได้แก่ มูลนิธิ ITDF และมูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ (Scholars of Sustenance-SOS) ทั้งนี้ ร้านกาแฟเพื่อชุมชนแห่งใหม่ยังสอดคล้องกับพันธกิจของสตาร์บัคส์ระดับโลกที่จะเปิดร้านกาแฟเพื่อชุมชนให้ได้ทั้งหมด 1,000 แห่งทั่วโลกภายในปี 2573

ส่งมอบอาหารให้ชุมชน

“เนตรนภา” กล่าวด้วยว่า สตาร์บัคส์ ประเทศไทย ตั้งใจให้ทุกคนเข้าถึงอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ และการลดปริมาณขยะจากอาหาร จึงร่วมมือกับมูลนิธิ SOS เพื่อรวบรวมอาหารที่ยังไม่ได้จำหน่ายจากร้านสตาร์บัคส์สาขาที่ร่วมรายการในกรุงเทพฯ หัวหิน เชียงใหม่ และภูเก็ต เพื่อส่งมอบให้ชุมชนที่ต้องการ

“นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2565 จนถึงปัจจุบัน อาหารกว่า 18,000 กิโลกรัมถูกส่งต่อไปยังชุมชนที่ขาดแคลน และมูลนิธิสตาร์บัคส์ยังบริจาคเงินอีกกว่า 1.45 ล้านบาท (44,620 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ) ให้กับมูลนิธิ SOS เพื่อสนับสนุนโครงการครัวรักษ์อาหาร (SOS Rescue Kitchen) ส่งเสริมโภชนาการอาหารในชุมชนอีกด้วย”

นอกเหนือจากการทำงานร่วมกับมูลนิธิ ITDF และมูลนิธิ SOS สตาร์บัคส์ ประเทศไทย ยังร่วมงานกับมูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก (Books for Children) เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านออกเขียนได้ผ่านกิจกรรมการอ่านในชุมชน การจัดสรรมุมหนังสือ และห้องสมุดให้กับชุมชนมาอย่างยาวนาน

และเมื่อเร็ว ๆ นี้ โครงการเงินช่วยเหลือชุมชนทั่วโลก (Global Community Impact Grants) จากมูลนิธิสตาร์บัคส์สนับสนุนการขยายโครงการ Reading Hero สู่เยาวชน และครอบครัวในชุมชนด้อยโอกาส

มุ่งสู่ร้านกาแฟสีเขียว

“เนตรนภา” กล่าวต่อว่า สตาร์บัคส์ ประเทศไทย มุ่งลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ น้ำเสีย และของเสีย โดยเริ่มจากการปฏิบัติตามแนวทางร้านกาแฟสีเขียว (Starbucks Greener Store) สำหรับประเทศไทย แนวทางการดำเนินงานดังกล่าว สตาร์บัคส์ได้พัฒนาร่วมกับองค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (World Wildlife Fund-WWF)

ประกอบด้วยชุดมาตรฐานที่อิงตามผลการปฏิบัติงาน 25 ชุดที่ครอบคลุมผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหลากหลายด้าน เช่น ประสิทธิภาพพลังงาน การดูแลน้ำ และการแยกของเสีย เพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงไปสู่ร้านสาขาที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยลง

นอกจากนั้น สตาร์บัคส์ยังตั้งเป้าหมายในปี 2573 ลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ถูกปล่อยออกมาจากการผลิต หรือการให้บริการ พร้อมลดการใช้น้ำและของเสียลง 50%

ปัจจุบัน สตาร์บัคส์ ประเทศไทย รับรองร้านกาแฟสีเขียวทั้งหมด 3 แห่งที่ดำเนินการโดยใช้ไฟฟ้าที่มีความสามารถในการตรวจสอบพลังงานที่แม่นยำ เพื่อระบบการจัดการพลังงาน (energy management system-EMS) อย่างละเอียด

ซึ่งจะรวบรวมข้อมูลการใช้พลังงานแบบเรียลไทม์เพื่อรักษาประสิทธิภาพ และประสิทธิผลการใช้พลังงานในระดับสูง เพราะระบบนี้จะช่วยให้ร้านค้าสามารถระบุจุดการใช้พลังงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ พร้อมช่วยควบคุมและอนุรักษ์การใช้พลังงานต่อไปในอนาคต

ที่สำคัญสตาร์บัคส์ประเทศไทย ยังสนับสนุนทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นให้กับลูกค้าผ่านโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการบรรจุภัณฑ์สำหรับใช้ในร้าน (For-Here-Ware) และรณรงค์การใช้แก้วที่ใช้ซ้ำได้ โดยลูกค้านำแก้วส่วนตัวมาซื้อเครื่องดื่มที่ร้านจะได้รับส่วนลด 10 บาท รวมถึงโครงการ Grounds for Your Garden ที่ลูกค้าสามารถรับถุงกากกาแฟไปบำรุงสวนที่บ้านได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

“สตาร์บัคส์ ประเทศไทย พร้อมทำงานร่วมกับทุกคน ตั้งแต่เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟไปจนถึงพาร์ตเนอร์ ลูกค้า คู่ค้าธุรกิจ และชุมชนท้องถิ่น เพราะอนาคตของธุรกิจไม่ใช่เป็นเพียงเติบโตทางยอดขายเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการส่งต่อสิ่งดี ๆ ให้ชุมชนชาวไร่กาแฟ การดูแลความเป็นอยู่ที่ดีให้กับพาร์ตเนอร์ การรักษาสัมพันธภาพของผู้คนที่มีต่อกาแฟ การรังสรรค์กาแฟ และเครื่องดื่มที่มีคุณภาพให้กับลูกค้า”

25 ปีสตาร์บัคส์

“เนตรนภา” กว่าวด้วยว่า งานเฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปีของสตาร์บัคส์ ประเทศไทย จัดขึ้นเมื่อวันที่ 7-8 ก.ค. 2566 ณ สุราลัย ฮอลล์ ห้างสรรพสินค้าไอคอนสยาม ใกล้กับร้านกาแฟเพื่อชุมชนแห่งที่ 2 ซึ่งสมาชิก Starbucks Rewards ที่มาร่วมงานจะได้เพลิดเพลินไปกับกิจกรรมมากมาย รวมถึงการชิมกาแฟสุดพิเศษ และสามารถร่วมส่งเสริมสินค้าชุมชนท้องถิ่น ประกอบด้วย คอลเล็กชั่นเบญจรงค์ และกระเป๋าสานผักตบชวา

ร้านกาแฟเพื่อชุมชนแห่งที่ 2 สะท้อนคำมั่นสัญญาของแบรนด์สตาร์บัคส์สร้างความเป็นไปได้แบบไร้ขีดจำกัด เพื่อเชื่อมโยงสัมพันธภาพระหว่างผู้คน และก้าวสู่อนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้น ควบคู่การให้ความสำคัญความเป็นอยู่ที่ดีของชุมชนชาวไร่กาแฟภาคเหนือของไทย