บพท.เดินหน้าพัฒนาเมืองน่าอยู่ กระจายความเจริญ-ลดความเหลื่อมล้ำ

บพท.เสวนา งาน thailand smart city

บพท.สานพลังภาคี เดินหน้าพัฒนาเมืองน่าอยู่ ด้านธนาคารโลกชี้ต้องตอบโจทย์ 3 เรื่อง กระจายความเจริญ-ลดเหลื่อมล้ำ-เติมความสามารถการแข่งขัน 

วันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในงานสัมมนา “การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เมืองศูนย์กลางที่น่าอยู่และชาญฉลาด บนฐานงานวิจัยและนวัตกรรมของประเทศไทย” เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา ในงาน Thailand Smart City Expo 2023 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

นายขวัญพัฒน์ สุทธิธรรมกิจ เจ้าหน้าที่อาวุโสธนาคารโลกผู้รับผิดชอบประเทศไทย กล่าวว่า ธนาคารโลกทำงานกับหลายประเทศรวมทั้งรัฐบาลไทย และค้นพบว่า โจทย์หลักของการยกระดับเมืองน่าอยู่อย่างชาญฉลาด หรือ Livable & Smart City มีอยู่ด้วยกัน 3 ประการคือ ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ความเหลื่อมล้ำ และความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งพบว่าโจทย์ทั้ง 3 ประการดังกล่าวยังแก้ไม่ตก เนื่องจากความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ยังคงกระจุกตัวอยู่ที่กรุงเทพฯ ไม่ถูกกระจายออกไปยังเมืองใหญ่อีกหลายเมืองที่มีความพร้อม 

ขณะที่เรื่องของความเหลื่อมล้ำ มีข้อมูลหนึ่งที่เห็นแล้วก็ตกใจเหมือนกัน หมายถึงว่า ปัจจุบันเรามีมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ทุกจังหวัดผลิตนักศึกษาออกมา แต่ปรากฏว่าไม่มีงานจริงให้ทำ ทั้งที่มีการลงทุนกับเรื่องทุนมนุษย์แต่ไม่สามารถใช้ทุนมนุษย์ให้เต็มที่ เพราะความกระจุกตัวของงานที่ดีอยู่ในกรุงเทพฯ ส่วนเรื่องขีดความสามารถของการแข่งขันในการพัฒนาเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือ Go Green สำหรับประเทศไทยก็ยังคงมีขีดจำกัดอยู่มาก

ด้านนางสาวชณกช ชสิธภนญ์ ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์การพัฒนาเมือง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวว่า ประเด็นเกี่ยวกับเมืองในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 ซึ่งใช้อยู่ตอนนี้ กำหนดเป้าหมายหลักไว้ 3 เรื่องคือ เรื่องการเติบโตในภูมิภาค โดยส่งเสริมสนับสนุนให้มีการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น เรื่องลดความเหลื่อมล้ำ มุ่งเน้นให้เกิดการกระจายความเจริญ กระจายการจ้างงานไปสู่ภูมิภาค และเรื่องการพัฒนาเมือง ที่มุ่งให้มีการพัฒนาเมืองน่าอยู่ที่ยั่งยืน มีการเตรียมพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงทุกรูปแบบ และยกระดับคุณภาพชีวิตผู้อยู่อาศัย

คุณลักษณะเมืองน่าอยู่ที่ยั่งยืนที่เราต้องการให้เกิดขึ้น มีอยู่ 4 ประการคือ

  1. ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน 
  2. สิ่งแวดล้อมสะอาดไม่มีมลพิษ ทรัพยากรธรรมที่สมบูรณ์
  3. ความพร้อมในการรับมือการเปลี่ยนแปลง เมืองที่ล้มแล้วสามารถลุกขึ้นได้ไว
  4. ความยืดหยุ่น

ขณะที่นายเจริญชัย เฉลียวเกรียงไกร ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดสระบุรี และผู้อำนวยการศูนย์พลังงานยั่งยืน บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) กล่าววว่า ปัจจุบันนี้ภาคราชการ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และภาคประชาชนในจังหวัดสระบุรี มีความตื่นรู้และตื่นตัวในการทำให้จังหวัดสระบุรี เป็นเมืองอัจฉริยะที่น่าอยู่ สอดคล้องกับคุณลักษณะพึงประสงค์ของ สศช. ด้วยการร่วมมือกับภาควิชาการ

โดยมีหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เข้ามามีบทบาทหลักในการเชื่อมโยงพลังความรู้จากงานวิจัยและนวัตกรรม ของสถาบันอุดมศึกษา เข้ากับพลังภาคีในพื้นที่

“กลไกการขับเคลื่อนจังหวัดสระบุรี สู่ความเป็นเมืองอัจฉริยะที่น่าอยู่อย่างยั่งยืนบนฐานงานวิจัยและนวัตกรรม โดยความร่วมมือกันของทุกภาคส่วน เราจะเริ่มจากกลุ่มธุรกิจซีเมนต์ ซึ่งเป็นธุรกิจที่กระจุกตัวอยู่ในจังหวัดสระบุรีมากที่สุด โดยรีไซเคิลพลังงานจากกระบวนการผลิตซีเมนต์ให้เป็นพลังงานสะอาด พัฒนาอุตสาหกรรม สีเขียว นำเอาวัสดุเหลือใช้กลับมาหมุนเวียน รณรงค์ให้มีการทำเกษตรกรรมคาร์บอนต่ำ และเพิ่มพื้นที่สีเขียว

ส่วน รศ.ดร.ปุ่น เที่ยงบูรณธรรม รองผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) กล่าวว่า บพท. มีบทบาทในการรณรงค์เรื่องการพัฒนาเมืองน่าอยู่อย่างต่อเนื่อง ได้รับการตอบสนอง และถูกต่อยอดขยายผลในวงกว้างมากขึ้น โดยทุกวันนี้สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) กับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (Depa) ซึ่งเป็นกลไกกำหนดนโยบายและกำกับการทำธุรกรรมดิจิทัล ได้เข้ามาร่วมใช้งานวิจัยของเรา แล้วก็เรียนรู้ไปด้วยกัน

“เราได้มีโอกาสทำงานร่วมกับหลายภาคส่วน ทั้งฝ่ายกำหนดนโยบาย และฝ่ายปฏิบัติงาน ในการที่จะผลักดันเมืองเข้าไปสู่เมืองน่าอยู่ได้อย่างชาญฉลาด โดยเรามีโอกาสนำเอาชุดข้อมูลพร้อมใช้ที่ประมวลมาจากนักวิจัยในสถาบันอุดมศึกษา เข้าไปผลักดันให้เกิดการพัฒนาเมืองบนความสอดคล้องกับบริบท และวิถีชีวิตของแต่ละพื้นที่”

รศ.ดร.ปุ่น กล่าวเพิ่มเติมว่า บพท. ในฐานะองค์กรบริหารจัดการความรู้เพื่อการพัฒนาคน พัฒนาพื้นที่ ที่มุ่งตอบโจทย์แก้ปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ ตลอดจนพัฒนากลไกกระบวนการพัฒนาเมือง พยายามทำให้เกิดความทั่วถึง เท่าเทียมกันของโอกาสในการเข้าถึงข้อมูลความรู้ และนวัตกรรม

“เราพยายามสร้างระบบนิเวศน์ของกลไกกระบวนการพัฒนาเมือง ด้วยฐานข้อมูลการวิจัยและนวัตกรรม โดยทำให้ระบบข้อมูลของเมือง เป็นระบบข้อมูลแบบเปิด หรือ Open City Data Platform ซึ่งมีหน่วยงานองค์กรปกครองท้องถิ่นเป็นผู้ดูแล และคนในพื้นที่สามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งเป็นเหมือนงานปิดทองหลังพระ เป็นงานที่ยาก แต่สามารถทำให้สำเร็จได้ ถ้าทุกฝ่ายร่วมแรงร่วมใจกัน”