“นางเพชรรัตน์ สินอวย” อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า ขณะนี้นายจ้างที่จ้างคนต่างด้าวทำงานอยู่ในประเทศไทยยังมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับข้อปฏิบัติในการแจ้งเข้า-ออกจากงานของคนต่างด้าว
ดังนั้น กรมการจัดหางานจึงขอประชาสัมพันธ์ให้นายจ้างทราบว่า พระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2561 มาตรา 13 กำหนดให้:
- ด่วน! โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ครม.เศรษฐา 1/1 รัฐมนตรีใหม่ 13 ตำแหน่ง
- ล้งกระหน่ำทุบราคามังคุด จากโลละ 200 เหลือ 60 บาท
- ทูลเกล้า 11 รายชื่อคณะรัฐมนตรี เศรษฐา 1/1 ออก 4 เข้าใหม่ 6 ตำแหน่ง
- นายจ้างที่จ้างคนต่างด้าวทำงาน มีหน้าที่ต้องแจ้งให้กรมการจัดหางานทราบชื่อและสัญชาติของคนต่างด้าวและลักษณะงานที่ให้ทําภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่จ้าง
- เมื่อคนต่างด้าวนั้นออกจากงานก็ต้องแจ้งให้กรมการจัดหางานทราบภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่คนต่างด้าวออกจากงาน พร้อมทั้งระบุเหตุแห่งการออกจากงานของคนต่างด้าวนั้นด้วย
กรณีที่คนต่างด้าวเข้าทำงานแบบ MOU
สำหรับกรณีที่คนต่างด้าวเข้ามาทำงานในประเทศไทยตามระบบการนำเข้าแบบ MOU โดยการนำเข้าของผู้รับอนุญาตให้นําคนต่างด้าวมาทํางาน (บริษัทนำคนต่างด้าวมาทำงานในประเทศ) เมื่อคนต่างด้าวนั้นออกจากงาน นายจ้างที่จ้างคนต่างด้าวจะต้องแจ้งให้ผู้รับอนุญาตฯ และกรมการจัดหางานทราบภายใน 7 วันนับตั้งแต่วันที่คนต่างด้าวออกจากงาน พร้อมทั้งระบุเหตุแห่งการออกจากงานของคนต่างด้าวนั้นด้วย
นอกจากนี้ ก่อนคนต่างด้าวเข้าทํางานกับนายจ้างตามระบบการนำเข้า MOU นายจ้างต้องจัดทําสัญญาจ้างเป็นหนังสือ โดยมีรายการอย่างน้อยตามที่อธิบดีกําหนด และเก็บสัญญาจ้างงานไว้ ณ ที่ทําการของนายจ้างเพื่อให้นายทะเบียนหรือพนักงานเจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบได้ และสําเนาสัญญาจ้างดังกล่าวเพื่อให้ลูกจ้างเก็บรักษาไว้
ทั้งนี้ หากนายจ้างไม่แจ้งการเข้า-ออกจากงานของคนต่างด้าวในกรณีดังกล่าวข้างต้น จะมีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท โดยนายจ้างสามารถแจ้งการเข้า-ออกจากงานของคนต่างด้าวได้ที่สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว กรมการจัดหางาน สำนักงานจัดหางานจังหวัด หรือที่สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 ในเขตพื้นที่ที่เป็นสถานที่ตั้งของสถานประกอบการที่คนต่างด้าวทำงานอยู่