อาฮุย แผ่นดินใหญ่ : เรื่อง
ทีมอย่างยูเวนตุส ยักษ์ใหญ่แห่งตูริน ในศึกกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี ซื้อคริสเตียโน โรนัลโด้ ด้วยเม็ดเงินมากถึง 112 ล้านยูโร แลกกับนักเตะซูเปอร์สตาร์ในวัย 33 ปี (อายุขณะนั้น) หลายคนคงมองว่าเป็นการลงทุนที่เสี่ยงพอสมควร แต่เมื่อดูผลระยะสั้นแล้ว การลงทุนของยูเว่ครั้งนี้ดูเหมือนจะได้ผลลัพธ์ที่ทะลุเพดานความคาดหวังด้วยซ้ำ
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
ชัยชนะของยูเวนตุส เหนือแอตเลติโก มาดริด ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย เลกที่ 2 คงต้องอยู่ในลิสต์การจัดอันดับเกมที่ทีมตามหลังก่อนคืนชีพกลับมาพลิกเข้ารอบได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ยูเวนตุส กลับมาชนะแอต.มาดริด 3-0 เข้ารอบด้วยผลประตูรวม 3-2 ทั้งที่นัดแรกตามหลังด้วยสกอร์ 0-2
ผลสกอร์ 3-0 ในเกมที่ต้องเล่นกับทีมซึ่งขึ้นชื่อเรื่องเขี้ยวลากดิน เมื่อต้องการเน้นผลการแข่งขันอย่างแอต.มาดริด ไม่ใช่เรื่องง่ายนักสำหรับทีมใหญ่ก็ตาม ดูเหมือนว่าในวันนี้ มนต์ขลังของโรนัลโด้ วัย 34 ปี ก็ยังคงช่วยให้ต้นสังกัดทำผลงานได้ตามเป้า
รอบทศวรรษที่ผ่านมา ยูเวนตุสฟื้นฟูทีมกลับมาในลีกสูงสุดได้แทบสมบูรณ์ ทัพ “เบียงโคเนรี” ชูแชมป์เซเรีย อา อิตาลี 7 ปีติดต่อกันแล้ว สิ่งที่ทีมม้าลายและแฟนบอลโหยหา คือ ความสำเร็จในฟุตบอลยุโรป พวกเขาเข้าชิงถ้วยยุโรปถ้วยใหญ่ 2 ครั้ง ในรอบ 3 ปีหลังสุด แต่ก็ต้องผิดหวังไป
หากมองในระบบโดยรวม ยูเวนตุสมีส่วนผสมของระบบกับผู้เล่นที่ดีในระดับแถวหน้าของยุโรปแล้ว แต่สิ่งที่พวกเขาขาดไป คือ ผู้เล่นคีย์แมน ที่จะเป็นตัวพลิกเกมได้ ในแมตช์ที่สถานการณ์สูสีและออกได้ทุกหน้า ซึ่งยูเวนตุสเลือกลงทุนกับโรนัลโด้ เมื่อปี 2018 ด้วยเม็ดเงินมหาศาลและแน่นอนว่าย่อมส่งผลทางการเงิน เมื่อต้นปี 2019 เดล็อตต์ บริษัทผู้ตรวจสอบและที่ปรึกษาด้านการเงินแห่งใหญ่ของโลก
เพิ่งประกาศการจัดอันดับสโมสรที่มั่งคั่งทางการเงินที่สุดในโลก โดยยูเวนตุสหลุดจาก 10 อันดับแรก ไปอยู่ที่อันดับ 11 ด้วยตัวเลขรายได้ฤดูกาล 2017-2018 ที่ 504 ล้านยูโร ขาดทุน 19.2 ล้านยูโร และต้องหาทุนด้วยกลยุทธ์ทางการเงินอื่นมาเสริมอย่างหุ้นกู้เพื่อปรับโครงสร้างหนี้
การเดิมพันลงทุนซื้อโรนัลโด้ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญต่ออนาคตทั้งในระยะสั้นและระยะยาวของสโมสร ผลงานและความนิยมของโรนัลโด้ ล้วนส่งผลต่อสภาพของสโมสร ช่วงยืนยันข่าวย้ายตัว หุ้นสโมสรพุ่งกระฉูดทะลุเท่าตัว และมีแนวโน้มดึงดูดรายได้สัญญาผู้สนับสนุนเข้ามาโดยรวมระยะยาวมากขึ้นถึง 60 เปอร์เซ็นต์ แม้สโมสรจะขายเสื้อแข่งของโรนัลโด้
ได้ไม่ต่ำกว่า 5 แสนตัวแล้ว แต่ส่วนแบ่งจากการขายเสื้อส่วนใหญ่มักไปอยู่ในมือของผู้ผลิต ขณะที่สโมสรได้ส่วนแบ่งค่าลิขสิทธิ์ ซึ่งก็พอมีเม็ดเงินเข้ามา แต่ไม่ถึงกับเป็นสัดส่วนระดับสูงมากนักเมื่อเทียบกับรายได้ส่วนอื่น
ในแง่ผลงาน ช่วงแรกโรนัลโด้อาจยังปรับตัวช้าหน่อย โดยใช้เวลา 4 เกมกว่าจะยิงประตูแรก แต่หลังจากช่วงปลายปี 2018 เป็นต้นมา กราฟผลงานของโรนัลโด้เริ่มดีขึ้น แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้กราฟผลงานพุ่งขึ้นไปกว่าช่วงที่ค้าแข้งกับเรอัล มาดริด อย่างไรก็ตาม โดยรวมแล้ว 6 เดือนแรกของโรนัลโด้กับยูเว่ ถือว่ายังรับได้สำหรับแฟนบอล โดย 53 ประตูของสโมสรใน 6 เดือน โรนัลโด้มีส่วนร่วมกับประตูที่เกิดขึ้นถึง 37 ครั้ง (นับรวมประตูที่เขาเองยิงได้ และการแอสซิสต์)
แน่นอนว่าด้วยวัยปลายอาชีพและกับทีมใหม่ ผู้เล่นระดับดาวเตะเองก็คงยากจะเร่งฟอร์มทำกราฟผลงานให้เหนือกว่าช่วงที่เล่นกับมาดริด อย่างน้อยในเกมกับแอต.มาดริด แข้งโปรตุเกสยังพิสูจน์ให้เห็นคุณค่าของผู้เล่นระดับที่เปลี่ยนแปลงเกมได้ โดยยิงแฮตทริกพาทีมเข้ารอบ ผลกระทบที่ตามมานอกสนาม คือ หุ้นสโมสรที่เพิ่มขึ้น 20-30 เปอร์เซ็นต์
นี่คือสิ่งที่ยูเวนตุสต้องการสำหรับผลงานในสนาม เพื่อติดบูสต์ให้กับผลประโยชน์ของสโมสรนอกสนาม ไม่เพียงแค่เงินรางวัลของแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เท่านั้นที่ล่อใจสโมสร แต่ยังเป็นเรื่องมูลค่าหุ้นไปจนถึงกระแสอื่น ๆ ที่จะดูดสปอนเซอร์เข้ามามากขึ้น
ในอิตาลี พวกเขาไม่จำเป็นต้องมีโรนัลโด้ ยูเว่ครองฟุตบอลอิตาลีมาได้ 1 ทศวรรษแล้ว หลังจากกลับขึ้นมาสู่ลีกสูงสุดอีกครั้ง และในปีนี้หรือปีต่อ ๆ ไป โรนัลโด้ คือ ตัวแปรที่จะยกสโมสรขึ้นอีกระดับหนึ่ง แต่ข้อเสีย คือ พวกเขาก็แบกรับความเสี่ยงของการลงทุนทางการเงิน เรียกได้ว่าเป็นการเดิมพันระดับหนึ่งทีเดียว การลงทุนขนาดนี้ส่งผลต่อการเงินของสโมสรดังที่เห็นได้ว่า พวกเขาหลุดจาก 10 อันดับแรกของสโมสรฟุตบอลที่มีผลการเงินดีที่สุดในโลก
ประตูด่านแรกของโรนัลโด้เปิด และเริ่มเดินไต่กราฟขึ้นเรื่อย ๆ น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งว่า ยูเวนตุสที่มีโรนัลโด้
จะไปถึงฝั่งฝันได้สัมผัสแชมป์ยุโรปอีกครั้งได้ไหม แต่อย่างน้อย เกมรอบ 16 ทีมสุดท้ายก็ทำให้เห็นแล้วว่า “โรนัลโด้เอฟเฟ็กต์” มีอิทธิพลและเย้ายวนใจให้ค้นหาว่า ผลจากความสำเร็จจะนำมาซึ่งผลประโยชน์ต่อทีมอย่างไรบ้าง