2 สิงห์ “เจริญ วังอนานนท์-สุทธิพงศ์ เผื่อนพิภพ” ชิงนายกสมาคมทัวร์เอาต์บาวนด์

29 กรกฎาคม 2563 นี้ นอกจากจะเป็นวันประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2562 ของสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (TTAA) ซึ่งดูแลนักท่องเที่ยวไทยขาออก หรือทัวร์เอาต์บาวนด์ แล้ว ยังเป็นวันเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารสมาคมฯ ชุดใหม่ วาระปี 2563-2565 ด้วย หลังจากที่ “ธนพล ชีวรัตนพร” นายกสมาคมและคณะกรรมการชุดปัจจุบันได้หมดวาระลง

โดยล่าสุดมีผู้แสดงความจำนงสมัครเข้ารับการเลือกตั้งเป็นนายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (TTAA) วาระปี 2563-2565 จำนวน 2 ท่าน ประกอบด้วย นายเจริญ วังอนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท กังวาล ฮอลิเดย์ จำกัด และนายสุทธิพงศ์ เผื่อนพิภพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท กลอรี่ ทราเวล (ประเทศไทย) จำกัด

“ประชาชาติธุรกิจ” จึงนำเสนอนโยบาย วิสัยทัศน์ ในการอาสาเข้ามาขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย (เอาต์บาวนด์) รวมถึงแนวทางในการฟื้นฟูสมาชิก ผู้ประกอบการท่องเที่ยวของไทยให้อยู่รอดท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 ไว้ดังนี้

“เจริญ วังอนานนท์” 
กรรมการผู้จัดการ บริษัท กังวาล ฮอลิเดย์ จำกัด

“เจริญ” ให้สัมภาษณ์ว่า สำหรับตัวเองถือว่าเป็นคนที่เคยผ่านงานบริหารในฐานะนายกสมาคมมาเกือบทุกสมาคม ทั้งสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (TTAA), สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) และสมาคมท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) เคยเป็นบอร์ดการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และผ่านงานที่สำคัญและยากลำบากในสถานการณ์ที่แตกต่างกันเยอะมาก

เรียกว่า ผ่านมาหลายวิกฤต รู้ว่าส่วนไหนบ้างที่สามารถเชื่อมโยงกับทางภาครัฐ ส่วนไหนบ้างที่สามารถขอความช่วยเหลืออนุเคราะห์กับหน่วยงานไหนบ้าง

สำหรับครั้งนี้ ส่วนตัวยังไม่รู้ว่าธุรกิจจะกลับมาอีกครั้งได้เมื่อไหร่ ขณะที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่อยู่ในอาชีพนี้มานานราว 30-50 ปี ผู้ประกอบการเหล่านี้จะเอาตัวรอดอย่างไรท่ามกลางสถานการณ์ที่ยังถือว่าวิกฤตต่อเนื่องเช่นนี้ และยังไม่รู้ว่าธุรกิจจะกลับมาได้อีกครั้งเมื่อไหร่ และยังเชื่อด้วยว่าหลังวิกฤตโควิดจบลง หรือมีวัคซีนแล้ว ทุกอย่างก็จะไม่กลับมาเหมือนเดิม หลายบริษัทอาจล้มหายตายจากไป

ดังนั้น ในฐานะที่ตัวเองมีประสบการณ์มาค่อนข้างมากนั้นน่าจะทำให้ทุกอย่างเดินต่อไปง่ายขึ้นกว่าเดิม โดยจะพยายามใช้สายสัมพันธ์ (connetion) ที่มีมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับสมาคมและสมาชิก โดยเฉพาะการช่วยเหลือสมาชิกและนำพาสมาชิกให้รอดพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้มากที่สุด

ส่วนนโยบายอื่นๆ เรื่องของซ่อม สร้าง และพัฒนาสิ่งใหม่ๆ ก็มีในเชิงโครงสร้างด้วยว่าที่ผ่านมาเรามีการค้าขายกันแบบอิสระเสรี ไม่ค่อยมีความปลอดภัยในเรื่องของการให้เครดิตกัน และเรื่องของการค้าขายระหว่างโฮเซลกับรีเทลที่เสรีเกินไป ทำให้เกิดเหตุการณ์โกงกันเกิดขึ้นแล้วมาบอกว่าขาดสภาพคล่อง ซึ่งคำตอบแบบนี้เป็นคำตอบที่ง่ายเกินไป หากยังปล่อยให้เป็นแบบนี้ โครงสร้างในการทำธุรกิจก็จะไม่มีความปลอดภัย ซึ่งประเด็นดังกล่าวนี้ได้มีการคุยกันไปบ้างแล้ว แต่ยังไม่ตกผนึก 100% เพราะยังไม่ได้เป็นผู้นำอย่างเต็มตัว

จากประเด็นปัญหานี้สิ่งที่อยากทำคือ การหาแนวทางและวิธีป้องกันให้เกิดปัญหาระหว่างโฮเซลและรีเทลน้อยที่สุด ซึ่งอาจต้องมีการจัดระเบียบใหม่ และหาช่องทางที่ดีที่สุด เพื่อป้องกันและก็ยับยั้งให้คนที่เป็นมิชฉาชีพเข้ามาสู่วงการนี้ให้น้อยที่สุด

และสิ่งสุดท้ายคือ ทำให้นักท่องเที่ยวได้รับการปกป้องในเรื่องของสิทธิหลังจากที่ซื้อสินค้าและบริการจากบริษัทนำเที่ยว ซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวมีความไว้วางใจและหันมาเดินทางผ่านบริษัทนำเที่ยวมากขึ้นกว่าเดิม

“เจริญ” ยังพูดถึงทีมงาน หรือคณะกรรมการชุดใหม่ด้วยว่า เลือกตั้งครั้งนี้มีคนรุ่นใหม่เข้ามาร่วมเป็นคณะกรรมการอีกหลายคน เพื่อเข้ามาทดแทนคนเก่าๆ และมีโอกาสเข้ามาฝึกประสบการณ์ โดยพยายามจะผสมผสานระหว่างคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ เพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้เข้ามาสานต่องานต่อไป

“หลายเสียงบอกว่าคนเก่าๆ ไม่ยอมไป แต่ที่ผมตัดสินใจเข้ามาอีกครั้งก็ด้วยสถานการณ์บีบบังคับและด้วยภาระกิจ แต่เราดึงคนรุ่นใหม่ๆ เข้ามาเสริมด้วย เพราะมองว่าเราควรปรับโครงสร้างสมาคมด้วย เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไปสมาคมก็จะอยู่แบบเดิมๆ ไม่ได้ ซึ่งก็คงมีหลายๆ เรื่อง ซึ่งจุดนี้คงต้องอาศัยประสบการณ์”

พร้อมย้ำว่า ในภาวะที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลกไม่ปกติเช่นนี้ ภาคธุรกิจต้องการคนที่มีประสบการณ์เข้ามาเป็นผู้นำ เพื่อนำพาให้ทุกคนอยู่รอด ซึ่งจุดนี้ส่วนตัวมองว่าไม่ใช่เฉพาะเรื่องของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเท่านั้น แต่รวมถึงเรื่องเศรษฐกิจ และเรื่องอื่นๆ และเชื่อว่าคนที่มีประสบการณ์ มีวิชั่น และมีคอนเน็คชั่นจะทำให้การทำงานมีความง่ายขึ้น

และทิ้งท้ายว่า “ท้ายที่สุดก็คงต้องขึ้นอยู่กับสมาชิกที่ต้องเป็นผู้เลือก เพราะเราอยู่ในระบอบประชาธิปไตย ถ้าเห็นว่าผมเป็นประโยชน์ และน่าจะทำประโยชน์ให้กับองค์กร และพอเป็นที่พึ่งได้ ก็เลือกผม ถ้าหากเห็นว่าผมไม่น่าจะทำได้ก็แล้วแต่การตัดสินใจของสมาชิก ผมเคารพทุกเสียง และทุกการตัดสินใจ”

“สุทธิพงศ์ เผื่อนพิภพ” 
กรรมการผู้จัดการ บริษัท กลอรี่ ทราเวล (ประเทศไทย) จำกัด

“สุทธิพงศ์” ให้สัมภาษณ์ว่า “ส่วนตัวอยากให้องค์กรเปิดโอกาสให้กับคนรุ่นใหม่ๆ ได้เข้ามาทำงานบ้าง เพราะหากมองย้อนกลับไปสัก 10 ปีพบว่าวงการเรายึดติดอยู่กับคนรุ่นเก่าๆ มาตลอดจึงคุยกับเพื่อนๆ และน้องๆ ที่คิดเหมือนกันหาคนมาแข่งขันและลงสมัครเลือกตั้งครั้งนี้ สุดท้ายทุกคนเห็นพร้องกันว่าอยากให้ผมเข้ามาทำงาน เพราะเป็นคนที่มีประสบการณ์ และได้ริเริ่มอะไรหลายๆ สิ่งไว้เยอะ”

แต่ทันทีภาคการท่องเที่ยวของไทยเราเจอวิกฤตโควิด ทางคณะกรรมการจึงหันมาโฟกัสเรื่องของปากท้อง ดังนั้น นโยบายแรกที่อยากผลักดันคือ เรื่องของการฟื้นฟู เยียวยา เนื่องจากสถานการณ์ในตอนนี้ผู้ประกอบการทุกคนแย่หมด จึงมองว่าเราจะช่วยประคับประคองผู้ประกอบการอย่างไร สมาคมทำอะไรได้บ้าง ทำอย่างไรสมาชิกถึงจะได้รับประโยชน์สูงสุด

“ตอนนี้มีผู้ประกอบการที่ปิดกิจการชั่วคราวเยอะมาก ปิดถาวรก็มีให้เห็นบ้าง เพราะธุรกิจเริ่มไม่ดีมาตั้งแต่ปีที่แล้ว พอมาเจอโควิดยิ่งทำให้ผู้ประกอบการกระทบหนักขึ้น”

“สุทธิพงศ์” บอกว่า กลุ่มทัวร์เอาต์บาวนด์ได้รับผลกระทบอย่างหนักมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่ไม่ดี ทำให้ผู้ประกอบการต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดด้วยการถล่มราคาเพื่อแย่งตลาดกันเอง ซึ่งทำให้เกิดปัญหาทั้งโฮลเซล รีเทล รวมถึงการเกิดขึ้นของการขายทัวร์ในรูปแบบของ “โปรไฟไหม้” ที่ออกมาถล่มกันอย่างหนัก ไหม้แล้วไหม้อีก ตัดราคากันจนสุดท้ายทุกคนกระทบหมด

นอกจากนี้ ยังมีปัญหาหลายอย่างที่ถูกสะสมมานานร่วม 10 ปี และจำเป็นต้องได้รับการแก้ไข เช่น ความขัดแย้งระหว่างโฮลเซลและรีเทล ที่เป็นคดีอยู่ในสำนักทะเบียน ที่กรมการท่องเที่ยวจำนวนมาก

ส่วนเรื่องยุทธศาสตร์นั้น “สุทธิพงศ์” บอกว่า ถ้าในภาวะปกติก็คงต้องมุ่งโฟกัสยุทธศาสตร์ต่างประเทศ ซึ่งตนก็ผ่านงานลักษณะนี้เยอะ และมีคอนเน็คชั่นกับองค์กรส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศต่างๆ จำนวนมาก แต่ในภาวะที่ธุรกิจกำลังประสบปัญหาเช่นนี้ก็คงต้องเน้นเรื่องการของการฟื้นฟู ประกับประคองผู้ประกอบการให้ทุกคนอยู่ได้มากที่สุดเป็นอันดับแรก

“สุทธิพงศ์” ให้สัมภาษณ์ถึงคณะกรรมการในทีมด้วยว่า ด้วยนโยบายที่อยากสร้างโอกาสให้คนรุ่นใหม่ คณะกรรมการในทีมจึงเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ถึงประมาณ 60-70% โดยมีทีมงานเก่าเพียงแค่ 3-4 คนเท่านั้น อาทิ คุณโฆษิต เดชวาทิน, เกรียงพล ปิยะเอกชัย เป็นต้น

ทั้งนี้ มองว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ แพ้-ชนะเป็นอีกเรื่อง แต่หากมีโอกาสได้ทำงานก็พร้อมที่จะทำงาน และแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่ หรือหากแพ้ก็ไม่เป็นไร