สารพัดปัญหา “เปิดประเทศ” ทุบแผนดึง “ต่างชาติ” เข้าไทยสะดุด !

นักท่องเที่ยว

ความพยายามในการขับเคลื่อนนโยบาย “เปิดประเทศ” รับนักเดินทางชาวต่างชาติของไทยด้วยการกำหนดประเภทของผู้ที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย เริ่มมีความชัดเจนขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาทิ นักธุรกิจ, กลุ่มที่เข้ามาประชุมสัมมนา, กลุ่มสมาชิกอีลิทการ์ด, กลุ่มพำนักระยะยาว หรือลองสเตย์ ฯลฯ

โดยเริ่มมีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาเป็นระยะในเดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป โดยเฉพาะชาวต่างชาติที่เป็นสมาชิกบัตรอีลิทการ์ด, กลุ่มลองสเตย์, กลุ่มนักธุรกิจ โดยมีเงื่อนไขต้องกักตัวเป็นเวลา 14 วัน ตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข

“วีซ่า O-A/อีลิทการ์ด” ฮอต

“ชาตรี อรรจนานันท์” อธิบดีกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า นับตั้งแต่การผ่อนคลายมาตรการการตรวจลงตราเข้าเมืองครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา ประเภทวีซ่าที่ได้รับความนิยมจากนักเดินทางคือ วีซ่าประเภท nonimmigrant O-A visa สำหรับนักเดินทางกลุ่มเกษียณอายุที่มีอายุมากกว่า 50 ปี ที่ต้องการมาพักผ่อนในไทยยาวไม่เกิน 1 ปี โดยไม่มีการทำงานหรือหารายได้และกลุ่ม Thailand Elite Card ที่ซื้อบัตรอีลิทการ์ดประเภทต่าง ๆ และมี privilege entry visa พร้อมแสดงความประสงค์ขอเข้าสู่ประเทศไทย

นอกจากนั้นที่ได้รับความนิยมรองลงมายังมีกลุ่ม APEC card (10 เขตเศรษฐกิจ) หรือบัตรเดินทางสำหรับนักธุรกิจเอเปก ซึ่งสามารถใช้ควบคู่กับหนังสือเดินทางเสมือนวีซ่าเพื่อเดินทางเข้าดินแดนของสมาชิกเอเปกในการติดต่อธุรกิจระยะสั้นได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า

ในส่วนของนักท่องเที่ยวยุโรปนั้น “ชาตรี” บอกว่า เริ่มเห็นจำนวนแสดงความประสงค์ขอวีซ่าสำหรับเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยแล้วเช่นกัน แต่ยังไม่มากนัก ยังเป็นจำนวนเลขหลักเดียวอยู่ และในอนาคตอันใกล้ยังมีนักท่องเที่ยวกลุ่มเรือสำราญที่ขอลงจอดที่ประเทศไทยในเร็ว ๆ นี้อีกด้วย

“จีน” แห่ต่อแถวเข้าไทย

“ฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา” รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้ข้อมูลว่า หลังนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มแรกจำนวน 39 คน จากเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เดินทางเข้าสู่ประเทศไทยในวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมาแล้วขณะนี้ยังมีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยื่นขอเดินทางผ่านการเปิดประเทศอย่างจำกัดด้วย special tourist visa (STV)

โดยเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม มีกลุ่มนักท่องเที่ยวจากเสิ่นเจิ้น ประเทศจีน เดินทางเข้ามาด้วยเครื่องบินส่วนตัว 13 คน วันที่ 26 ตุลาคม มีกลุ่มนักท่องเที่ยวจากกว่างโจว ประเทศจีน เดินทางด้วยเครื่องบินของสายการบินไชน่าเซาท์เทิร์นแอร์ไลน์เข้ามาอีก147 คน และวันที่ 28 จะมีกลุ่มนักท่องเที่ยวจากเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีนเดินทางด้วยสายการบินไทย 118 คน ซึ่งทั้งหมดเข้ามาโดยผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

นอกจากนี้ ในวันที่ 27 ตุลาคม และ3 พฤศจิกายน ยังมีนักท่องเที่ยวสิงคโปร์ต้องการเดินทางเข้าไทยอีกจำนวนหนึ่งด้วย

“การเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยของนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มแรกในวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีหลังจากความพยายามเปิดประเทศที่เร่งทำมาโดยตลอด ถือเป็นแสงสว่างและเป็นการแง้มประตูสู่โลกกว้าง โดยผลลัพธ์ในการเดินทางของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้และกลุ่มที่ 2 ที่เดินทางเข้ามาภายในวันที่ 26 ตุลาคม ถูกจับตามอง และมีความสำคัญอย่างยิ่งกับการเปิดประเทศอย่างจำกัดในระยะถัดไป”

ททท.เร่งสร้างความเชื่อมั่น

“ฉัททันต์” บอกด้วยว่า สำนักงาน ททท.ในประเทศจีนทั้ง 5 สำนักงานได้รายงานว่า ขณะนี้ชาวจีนได้สอบถามถึงรายละเอียดและขั้นตอนการขอ special tourist visa (STV) จำนวนมาก ส่วนจะสามารถเดินทางจริงได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย

พร้อมยืนยันว่า กรณีที่ทางการจีนไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวกลุ่มกรุ๊ปทัวร์เดินทางออกนอกประเทศนั้น ไม่นับรวม การเดินทางด้วย special tourist visa (STV) ที่เป็นมาตรการเปิดประเทศประเภทพิเศษของประเทศไทย โดยเข้าใจทางการจีนที่ต้องการระแวดระวังอย่างสูง ลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของเชื้อซ้ำอีก

“แม้ว่าจากสถิตินั้นจะระบุว่านักท่องเที่ยวจีนกว่า 60% ยังไม่มั่นใจในการเดินทาง ททท.และประเทศไทยก็จะต้องเร่งสร้างความมั่นใจในหลากหลายรูปแบบ ทั้งการขยายมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว หรือ SHA รวมถึงการรับรองนักท่องเที่ยวกลุ่มแรกให้เกิดความประทับใจ เพื่อสร้างกระแสบอกต่อถึงความสนุกสนานที่ทำให้ลืมช่วง 14 วันที่ต้องกักตัว”

ชี้ “ฮ่องกง-ญี่ปุ่น” ตลาดน่าสนใจ

“ฉัททันต์” กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า จากการสอบถามและแสดงความประสงค์ความต้องการเดินทางในภูมิภาคเอเชียในขณะนี้พบว่า พื้นที่ “ฮ่องกง” มีศักยภาพน่าสนใจ เนื่องจากความต้องการเดินทางสูงกว่าพื้นที่อื่น ๆ โดยมีนักท่องเที่ยวที่ขอ STV ผ่านแล้ว และอยู่ระหว่างรอเที่ยวบินอีก 13 ราย

เช่นเดียวกับพื้นที่ “ญี่ปุ่น” ที่น่าสนใจเช่นกัน เนื่องจากไม่มีกำหนดกักตัว 14 วันหลังกลับจากไทย ในขณะที่โอกาสในการเดินทางของภูมิภาคยุโรปยังยากด้วยค่าใช้จ่ายสูงและเที่ยวบินที่ยังไม่พร้อม

นอกจากนั้น ปัจจุบันการพิจารณาให้ใบรับรองการเดินทางเข้าประเทศไทย (certificate of entry-COE) จะพิจารณาให้เพียงกลุ่มประเทศความเสี่ยงต่ำที่รายชื่อจะอัพเดตทุก 15 วันเป็นการภายใน โดยสามารถสอบถามได้จากสถานทูต หรือสถานกงสุลประจำพื้นที่

ก.การท่องเที่ยวเร่งสร้างความเข้าใจ

ด้าน “พิพัฒน์ รัชกิจประการ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา บอกว่า ภายหลังจากมีกระแสข่าวว่า สาธารณรัฐประชาชนจีนประกาศห้ามนักท่องเที่ยวจีนกลุ่มกรุ๊ปทัวร์เดินทางออกนอกประเทศนั้น ทางกระทรวงได้เตรียมเปิดการเจรจากับรัฐบาลจีน เพื่ออธิบายรายละเอียดขั้นตอนของการเปิดประเทศอย่างจำกัดด้วย special tourist visa (STV) และมาตรการด้านสาธารณสุขที่เข้มข้นรัดกุม

ทั้งนี้ เพื่อขอให้รัฐบาลจีนเปิดทางให้เกิดการเดินทางโดยสะดวกราบรื่น และเชื่อมั่นในการเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยมากขึ้น

เช่นเดียวกับกรณีนักท่องเที่ยวรัสเซียที่จองที่พัก ALSQ ในพัทยา และกรมการกงสุลไม่สามารถอนุมัติใบอนุญาตเดินทางเข้าประเทศไทย (COE) จนไม่สามารถจัดไฟลต์เดินทางเข้าสู่ประเทศไทยได้ จนเป็นเหตุให้เกิดความสับสนและสูญเสียรายได้ของผู้ประกอบการนั้น ทางกระทรวงก็ได้ทำความเข้าใจกับทางกระทรวงการต่างประเทศแล้วเช่นกัน