แถลงการณ์เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยไม่กักตัวภายใน 120 วัน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่ประกาศเมื่อ 15 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา มีผลทำให้ทุกภาคส่วนขยับตัวแรงมากขึ้น ทั้งในประเด็นการเร่งกระจายการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในพื้นที่จังหวัดเป้าหมายเปิดรับนักท่องเที่ยวรวมถึงการเตรียมพร้อมในด้านซัพพลายของทุกเซ็กเตอร์
ที่สำคัญทำให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่เด้งรับลูกและเร่งแผนขยับไทม์ไลน์การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เร็วขึ้น โดยเริ่มจากเปิดจังหวัดภูเก็ตเมื่อ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา ภายใต้ “ภูเก็ตแซนด์บอกซ์” และต่อด้วยเกาะสมุย, เกาะพะงัน และเกาะเต่า (สุราษฎร์ธานี) ในวันที่ 15 กรกฎาคม และกระบี่ (เกาะพีพี, เกาะไหง, ไร่เลย์) พังงา (เขาหลัก เกาะยาว) ในเดือนสิงหาคมนี้ จากนั้นในเดือนตุลาคมนี้หากจังหวัดท่องเที่ยวไหนมีความพร้อมจะเดินหน้าทันที
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
120 วัน ความหวังคนท่องเที่ยว
ขณะที่ในฟากของกลุ่มผู้ประกอบการก็ยอมรับว่า นโยบายดังกล่าวได้สร้างความหวังให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอีกครั้ง เนื่องจากจะสามารถประเมินสถานการณ์ วางแผน และกำหนดเป้าหมายการทำงานได้ดียิ่งขึ้น
“วิชิต ประกอบโกศล” รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) บอกว่า ตัวแปรสำคัญที่จะสนับสนุนให้หลาย ๆ พื้นที่ของประเทศไทยเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยไม่กักตัวภายใน 120 วัน ตามเป้าหมายของรัฐบาลสำเร็จมี 3 ประเด็นหลัก ประกอบด้วย
1.การกระจายวัคซีนให้ครอบคลุม 70% ของจำนวนประชากร โดยเฉพาะในพื้นที่ 10 จังหวัดเป้าหมาย ได้แก่ ภูเก็ต กระบี่ พังงา สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า) ชลบุรี (พัทยา) เชียงใหม่ กรุงเทพฯ เพชรบุรี (ชะอำ) ประจวบคีรีขันธ์ (หัวหิน) และบุรีรัมย์
2.การเตรียมความพร้อมสำหรับรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนเนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนเป็นตลาดหลัก ทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ
3.กรุงเทพฯ เมืองท่องเที่ยวสำคัญของประเทศต้องพร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนตุลาคมนี้
คาด นทท.-รายได้ 4 ซีนาริโอ
“วิชิต” บอกว่า ขณะนี้ทาง สทท.ได้ประเมินสถานการณ์และคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติและรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติสำหรับปี 2564 นี้ไว้ 4 สถานการณ์ (scenario) ประกอบด้วย
1.เปิดเมือง 10 จังหวัดตามแผน และมีนักท่องเที่ยวจีน คาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวประมาณ 3 ล้านคน สร้างรายได้ 2.12 แสนล้านบาท
2.เปิดเมือง 10 จังหวัด แต่นักท่องเที่ยวจีนยังไม่มา จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวประมาณ 2 ล้านคน สร้างรายได้ที่ 1.52 แสนล้านบาท
3.เปิดเมือง 9 จังหวัด (กรุงเทพฯยังไม่พร้อม) และมีนักท่องเที่ยวจีน จะมีจำนวนนักท่องเที่ยว 1.4 ล้านคน สร้างรายได้ 1.07 แสนล้านบาท
และ 4.เปิดเมือง 9 จังหวัด (กรุงเทพฯยังไม่พร้อม) และนักท่องเที่ยวจีนยังไม่เข้า จะมีจำนวนนักท่องเที่ยว 1 ล้านคน สร้างรายได้ 8.3 หมื่นล้านบาท (ดูตารางประกอบ)
รองประธาน สทท.ยังบอกด้วยว่า สถานการณ์ที่คาดว่ามีความเป็นไปได้มากที่สุดในขณะนี้ คือ ประเทศไทยสามารถเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวได้ 10 จังหวัดตามแผนที่วางไว้ แต่นักท่องเที่ยวจีนยังไม่มาเนื่องจากสถานการณ์วันนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่ารัฐบาลจีนจะเปิดให้ประชาชนออกเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศได้เมื่อไหร่
คาดจีนออกเที่ยว ตปท. ตุลาฯนี้
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวเชื่อมั่นว่าหากจีนสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ดี และมีการฉีดวัคซีนได้ครอบคลุมตามแผน รัฐบาลน่าจะปล่อยให้ประชาชนออกเดินทางนอกประเทศได้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
“ตัวเลขในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาจีนฉีดไปแล้ว 200 ล้านโดส และฉีดเพิ่มได้ถึง 1,000 ล้านโดสในไตรมาส 2 หมายความว่าสิ้นสุดเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาจีนสามารถฉีดวัคซีนไปแล้วทั้งหมด 1,200 ล้านโดส”
โดยจากสถิติการฉีดวัคซีนของจีนในปัจจุบันสามารถฉีดได้ถึงเดือนละ 500 ล้านโดส ดังนั้น ในอีก 2 เดือนข้างหน้า หรือเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมนี้ จีนจะสามารถฉีดวัดซีนได้เพิ่มอีก 1,000 ล้านโดส ถึงสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ประเทศจีนจะสามารถฉีดวัคซีนได้ทั้งหมด 2,200 ล้านโดส ขณะที่ประชากรจีนมี 1,400 ล้านคน
นั่นหมายความว่าสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ประชากรจีนส่วนใหญ่จะได้รับการฉีดวัคซีนในสัดส่วนที่มากพอสมควรแล้ว จึงเชื่อว่ารัฐบาลจีนจะมั่นใจ รู้สึกปลอดภัย และปล่อยนักท่องเที่ยวออกนอกประเทศได้ภายในปีนี้ หรือในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวของจีนในช่วงเดือนตุลาคมนี้ได้
เอกชนพร้อมตั้งรับเต็มที่
“วิชิต” ย้ำว่า ด้วยเหตุผลนี้ทำให้ภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยค่อนข้างมีความหวังว่า มีโอกาสสูงมากที่รัฐบาลจีน จะเริ่มทยอยปล่อยให้ประชากรของจีนสามารถออกเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ รวมถึงประเทศไทย และแน่นอนว่าหากประชากรจีนสามารถออกเที่ยวมาประเทศไทย พวกเขาก็จะมองหาประเทศเป้าหมายที่เป็นประเทศกลุ่มความเสี่ยงต่ำ หรือประเทศที่ฉีดวัคซีนในสัดส่วนที่มากกว่า 70% แล้วเช่นกัน
ดังนั้น หากในเดือนกันยายนประเทศไทยสามารถเร่งฉีดวัคซีนได้ตามเป้าในอีก 9 จังหวัดท่องเที่ยวตามแผนเปิดเมืองได้เกิน 70% ประเทศไทยจะเป็นประเทศเป้าหมายของนักท่องเที่ยวจีนเหมือนเดิมแน่นอน
หากเป็นไปในทิศทางดังกล่าว เชื่อว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยจะกลับมาเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้เหมือนในอดีตที่ผ่านมา โดยขณะนี้ในฟากของผู้ประกอบการภาคเอกชนนั้นอยู่ในโหมดการเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตามนโยบาย 120 วัน และพร้อมที่จะกลับมาดำเนินธุรกิจกันอีกครั้งแล้ว