‘ญี่ปุ่น’ แจกเงินภาคธุรกิจ ย้ายฐานหนี ‘จีน’

(Photo by CHRISTOPHE ARCHAMBAULT / AFP)

อุตสาหกรรมทั่วโลกที่ล้วนพึ่งพาฐานการผลิตใน “จีน” เป็นหลักมาอย่างยาวนาน กำลังหวาดผวาอย่างหนักกับผลกระทบที่คาดไม่ถึงจากการแพร่ระบาดของ “โควิด-19” ที่ส่งผลให้การผลิตและเครือข่ายห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกต้องหยุดชะงักลง จนหลายประเทศได้บทเรียนแล้วว่า การพึ่งพาประเทศใดประเทศหนึ่งมากเกินไปอย่างประเทศจีน อาจนำมาซึ่งความเสียหายในระยะยาวได้

เจแปนไทมส์รายงานว่า “รัฐบาลญี่ปุ่น” ได้เปิดตัวโครงการเงินอุดหนุนภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น เพื่อส่งเสริมให้บริษัทย้ายฐานการผลิตออกจากจีนไปยังประเทศอื่น โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังจากที่ภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นได้รับความเสียหายอย่างหนัก เนื่องจากพึ่งพาห่วงโซ่อุปทานจีนมากเกินไป

โครงการดังกล่าวมีวงเงินอุดหนุนราว 23,500 ล้านเยน นับเป็นส่วนหนึ่งของแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลญี่ปุ่น โดยจะมีการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่บริษัทเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ การเคลื่อนย้าย และการก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ในกลุ่มประเทศอาเซียน

โครงการนี้ได้เริ่มขึ้นหลังจากภาคอุตสาหกรรมหลายประเภท โดยเฉพาะผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นประสบปัญหาอย่างหนัก เนื่องจากขาดแคลนชิ้นส่วนการผลิตจากการปิดโรงงานในประเทศจีน ข้อมูลของกระทรวงการคลังญี่ปุ่นระบุว่า การนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์จากจีน คิดเป็น 36.9% ของการนำเข้าของญี่ปุ่นในปี 2019 ขณะที่การนำเข้าชิ้นส่วนโทรศัพท์จากจีน ก็คิดเป็น 85.5% ของมูลค่าการนำเข้าทั้งหมดของญี่ปุ่น

เจ้าหน้าที่กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น ระบุว่า “ก่อนจะเกิดการแพร่ระบาดของไวรัส ก็มีบริษัทญี่ปุ่นที่ต้องการย้ายฐานการผลิตออกจากจีน ไปยังภูมิภาคอาเซียนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งโครงการเงินอุดหนุนนี้จะช่วยให้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นระหว่างญี่ปุ่นกับประเทศต่าง ๆ ในอาเซียน”

นอกจากความกังวลเรื่องการหยุดชะงักของการผลิตในจีนแล้ว การย้ายฐานไปยังอาเซียนยังช่วยหลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่าง ๆ ของภาคอุตสาหกรรมญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น การประท้วงต่อต้านญี่ปุ่น การเรียกร้องขึ้นค่าแรง รวมถึงภาษีสินค้าต่าง ๆ ที่อาจเพิ่มสูงขึ้นจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน ที่กำลังจะปะทุอีกครั้ง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมของญี่ปุ่นอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ บริษัทญี่ปุ่นมีความต้องการย้ายฐานการผลิตมายังภูมิภาคอาเซียน มาตั้งแต่ช่วงปี 2010 ภายใต้ยุทธศาสตร์ “จีนบวกหนึ่ง” (China Plus One) โดยการลดสัดส่วนการพึ่งพาจีน ทั้งในการลงทุนและการประกอบธุรกิจลง จากความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศที่มีความไม่แน่นอนสูง

นอกจากโครงการเงินอุดหนุนดังกล่าว รัฐบาลญี่ปุ่นยังมีโครงการช่วยเหลืออีก 220,000 ล้านเยน เพื่อส่งเสริมการผลิตสินค้าที่ต้องพึ่งพาการนำเข้าอย่างมากจากต่างประเทศ โดยเม็ดเงินดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อดึงดูดให้บริษัทญี่ปุ่นย้ายฐานการผลิตกลับเข้ามาในประเทศ

โดยเฉพาะบริษัทผลิตสินค้าจำเป็นอย่าง “หน้ากากอนามัย” และ “เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ” โดยบริษัทเหล่านี้จะได้รับเงินอุดหนุน หากมาลงทุนเปิดโรงงานใหม่ หรือเพิ่มกำลังการผลิต โดยรัฐบาลจะอุดหนุนราว 2 ใน 3 ของเม็ดเงินลงทุนสำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ และจะอุดหนุน 3 ใน 4 สำหรับบริษัทขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งโครงการช่วยเหลือทั้ง 2 โครงการนั้นอยู่ในงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2020 รวม 25.69 ล้านล้านเยน

“ทากาฮิโระ ฟูจิโมโตะ” ศาสตราจารย์ ด้านเศรษฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยโตเกียว ระบุว่า โครงการเงินอุดหนุนภาคธุรกิจเพื่อย้ายฐานการผลิตนั้น จะช่วยให้ผู้ผลิตญี่ปุ่นสามารถสร้างความสมดุลในการผลิตได้ดีขึ้นในระยะยาว ระหว่างญี่ปุ่น-จีน และอาเซียน อย่างไรก็ดี รัฐบาลควรต้องคำนึงถึงต้นทุนที่เพิ่มขึ้นของบริษัท หากมีการย้ายฐานการผลิต “สิ่งสำคัญคือการทำระบบการผลิตให้สามารถแข่งขันได้ และสามารถปรับตัวเพื่อรับมือกับภัยพิบัติได้”