อุปสรรคเดียวที่ขวางการอนุมัติเงิน 9 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ช่วยเหลือประชาชนทั่วประเทศคือ “โดนัลด์ ทรัมป์”
วันที่ 25 ธันวาคม 2563 สำนักข่าวรอยเตอร์สได้วิเคราะห์สถานการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจาก “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐยังไม่เซ็นอนุมัติรับรองแพ็คเกจ “มาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19” (COVID Relief Package) วงเงินสูงถึง 9 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งทั้งสองสภาสหรัฐได้โหวตอนุมัติร่างกฏหมายมาตรการนี้อย่างเอกฉันท์
- “มะพร้าว” ราคาพุ่งเป็นประวัติการณ์ ลูกเดียว 65-80 บาท เกิดอะไรขึ้น?
- พระราชประวัติ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติฯ วันคล้ายวันประสูติ 29 เมษายน
- กองทุนประกัน อนุมัติจ่ายเงิน 7.29 พันล้าน มี.ค.-เม.ย. รับรองมูลหนี้เพิ่ม 560 ล้าน
ทั้งนี้ การแถลงการณ์ครั้งล่าสุด ทรัมป์ระบุว่าจำนวนเงิน 600 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 18,000 บาท) ที่จะมอบให้กับผู้ใหญ่และเด็กต่อคนน้อยเกินไป ควรปรับขึ้นมาเป็น 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ยังมองว่ายังมีกองทุนบางส่วนที่ไม่ได้เหมือนที่คุยกันไว้ มองว่าเป็นการใช้เงินที่ “สูญเปล่า” และสั่งให้รัฐสภากลับไปปรับแก้ไขแพ็คเกจมาใหม่
โดยแหล่งข่าวได้สรุปถึงสิ่งที่จะตามมา 3 ข้อ ซึ่งจะเกิดขึ้นหากไม่ได้รับการอนุมัติดังนี้
1. ทรัมป์ “ยอมจำนน” เซ็นรับรองอนุมัติ
ทางเลือกแรกคือทรัมป์ยอมเซ็นรับรองอนุมัติ ถึงแม้จะไม่เห็นด้วยกับร่างมาตรการบางส่วน แต่อย่างน้อยประชาชนและผู้ประกอบการธุรกิจได้รับความช่วยเหลือผ่านสวัสดิการที่ได้วางไว้อย่างเร็วที่สุด
2. ทรัมป์ “วีโต้” ร่างกฏหมาย
อีกทางเลือกหนึ่งของทรัมป์คือเซ็น “ไม่อนุมัติ” แพ็คเกจมาตรการเยียวยานี้ ซึ่งรัฐสภาจะมี 2 ทางเลือกได้แก่เห็นด้วยกับคำสั่งของทรัมป์ หรือสมาชิกจากทั้งสภาสูงและสภาล่างรวมตัวให้มีจำนวนเกิน 2 ใน 3 ลงประชามติอนุมัติแพ็คเกจ ซึ่งจะทำให้คำสั่งของทรัมป์ไม่เป็นผล และแพ็คเกจจะเข้าสู่กฏหมายได้เลย
3. ทรัมป์ไม่ทำอะไรเลย
สมาชิกรัฐสภาชุดนี้เหลือเวลาอีกเพียง 10 วันก่อนที่จะมีสมาชิกรัฐสภาใหม่ ซึ่งถ้าหากทรัมป์ปล่อยทิ้งไว้ ไม่เซ็นรับรองหรือปฏิเสธ และรอให้สมาชิกรัฐสภาต่อไปรับผิดชอบแทน โดยรอ “โจ ไบเดน” ประธานาธิบดีสหรัฐคนต่อไป เข้ามาจัดการต่อ
ไม่ว่าจะทางเลือกไหนก็ตาม ทรัมป์ได้สร้างความ “ไม่แน่นอน” ให้กับเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลก ไม่กี่วันก่อนที่เขาจะไม่ได้เป็นผู้นำประเทศอีกต่อไป