ไตรมาส 1 เศรษฐกิจสหรัฐโต 10% ฟื้นรูปตัว V ตลอดครึ่งปีแรก

ชีพจรเศรษฐกิจโลก
นงนุช สิงหเดชะ

ในฐานะประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก และถูกโควิด-19 โจมตีหนักที่สุด สายตาประเทศอื่น ๆ ที่เหลือจับจ้องไปยังสหรัฐรอวันให้แก้ปัญหาโควิด-19 ได้โดยเร็ว เพื่อเศรษฐกิจจะได้ฟื้นตัวไว ซึ่งจะส่งอานิสงส์ไปทั่วโลกด้วย ขณะนี้พัฒนาการต่าง ๆ ดูเหมือนจะคืบหน้าไปในทิศทางที่ทำให้นักลงทุนหรือใครต่อใครดีใจและมีความหวังอย่างมาก เมื่อวัคซีนและงบฯกระตุ้นมหาศาลของสหรัฐ เริ่มออกฤทธิ์ต่อเศรษฐกิจ

ความดีใจเป็นพิเศษของนักลงทุน เกิดขึ้นเมื่อเครื่องมือติดตามการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจแบบเรียลไทม์ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา ที่เรียกว่า GDP now เพื่อนำมาประเมินการเติบโตของเศรษฐกิจ บ่งชี้ว่า จีดีพีไตรมาสแรกปีนี้ของสหรัฐน่าจะเติบโต 10% อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่การประเมินจีดีพีอย่างเป็นทางการ เพราะเป็นการใช้ข้อมูลเศรษฐกิจ ณ เวลาปัจจุบันมาคำนวณ โดยยังไม่ได้รวมปัจจัยอื่น ๆ เช่น ผลกระทบจากโควิด-19 การเคลื่อนย้ายทางสังคม หรือแม้กระทั่งข้อมูลเศรษฐกิจในอนาคตที่จะเกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลของเฟดแอตแลนตา มาพร้อมกับข่าวดีอื่น ๆ อาทิ ข้อมูลภาคการผลิตซึ่งรายงานออกมาเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเติบโตสูงสุดนับจากเดือนสิงหาคม 2018 ขณะที่รายได้ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 10% ในเดือนมกราคม อันเป็นผลมาจากการที่รัฐบาลสหรัฐจ่ายเงินโดยตรงให้กับชาวอเมริกันคนละ 600 ดอลลาร์ และความมั่งคั่งครัวเรือนเพิ่มขึ้นเกือบ 2 ล้านล้านดอลลาร์ ประกอบกับเงินออมของสหรัฐมีอยู่เกือบ 4 ล้านล้านดอลลาร์ บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจไม่เพียงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องตลอดปี

ข้อมูลทั้งหมดเหล่านี้ช่วยยืนยันการประเมินของบรรดานักเศรษฐศาสตร์ที่ว่าจีดีพีสหรัฐไตรมาสแรกปีนี้ จะดีกว่าที่เคยประเมินไว้อย่างมาก จากเดิมที่คิดว่าน่าจะขยายตัวเพียงหลักเดียว และจะไม่สามารถฟื้นตัวกลับมาในระดับที่สามารถชดเชยความสูญเสียที่เกิดจากโควิด-19 จนกว่าจะเข้าสู่ไตรมาส 2 หรือ 3 ของปีนี้เป็นอย่างน้อย

ก่อนหน้านี้ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก ก็ได้ออกมาระบุเช่นเดียวกันว่า ด้วยมาตรการทางการคลังที่แข็งแกร่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมกับความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องของวัคซีน เป็นไปได้ที่จีดีพีสหรัฐปีนี้จะเติบโตมากที่สุดในรอบหลายสิบปี

“เอ็ด ยาร์เดนิ” แห่งบริษัทวิจัยยาร์เดนิ ระบุว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในแง่ของ real GDP หรือจีดีพีที่มีการปรับเงินเฟ้อแล้ว จะเป็นรูปตัว V ตลอดครึ่งแรกของปีนี้ และอาจเป็นไปได้ว่าจะเติบโตในรูปนี้ไปตลอดปี ส่วนความกังวลของหลายคนที่ว่าหากเศรษฐกิจเติบโตมากเกินไปจะกระตุ้นให้เงินเฟ้อสูงขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเฟดยังคงรักษาระดับการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าตลาดนั้น ยาร์เดนิยอมรับว่าเศรษฐกิจจะร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จากกองไฟแห่งมาตรการการคลังและการเงิน

ทางด้านซีเอ็นบีซีรายงานว่า มีคำถามว่ามาตรการกระตุ้นรอบใหม่ 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ของรัฐบาล “โจ ไบเดน” ยังมีความจำเป็นอยู่หรือไม่ เพราะเศรษฐกิจมีแนวโน้มจะขยายตัวเร็วที่สุดนับจากปี 1984 จึงไม่น่าจะใช่เวลาดี ๆ ในการใช้จ่ายในภาวะที่คาดหมายว่ารัฐบาลจะขาดดุลงบประมาณถึง 2.3 ล้านล้านดอลลาร์ในปีนี้

“ฟิล ออร์แลนโด” หัวหน้านักกลยุทธ์ตลาดหุ้นของวาณิชธนกิจเฟเดอเรเต็ด แอร์เมส ซึ่งมีสินทรัพย์ภายใต้การดูแล 6.19 แสนล้านดอลลาร์ ระบุว่า ทั้งจำนวนการฉีดวัคซีนและมีผู้ผลิตวัคซีนรายใหม่เกิดขึ้นเรื่อย ๆ เชื่อว่าจะทำให้สหรัฐจะเปิดเศรษฐกิจได้เร็วกว่ากำหนดหลายเดือน และน่าจะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้ในฤดูร้อนนี้ ตอนนี้นักเศรษฐศาสตร์หลายคนในวอลล์สตรีตปรับคาดการณ์จีดีพีปีนี้เป็น 6% ขึ้นไป เชื่อว่าหุ้นที่อ่อนไหวต่อเศรษฐกิจ ราคาจะขึ้นไปดีกว่าหุ้นเติบโตหรือหุ้นเทคโนโลยี