ราคาน้ำมันดิบร่วง หุ้นดีดตัว ยูเออีสนับสนุนเพิ่มกำลังผลิต

ราคาน้ำมันดิบร่วง
REUTERS/Fabian Bimmer
อัพเดตข้อมูลล่าสุด 10 มีนาคม เวลา 10.02 น.

ราคาน้ำมันดิ่งลง หลังจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ประกาศสนับสนุนการเพิ่มกำลังผลิต 

วันที่ 10 มีนาคม 2565 บีบีซีรายงานว่า น้ำมันดิบเบรนต์ ซึ่งเป็นเกณฑ์มาตรฐานสากลร่วงลงมากกว่า 17% หลังจากคำแถลงของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ซึ่งเป็นสมาชิกของกลุ่มพันธมิตรน้ำมัน “โอเปก”

ราคาน้ำมันที่ร่วงลงเกิดขึ้นหลังจากหลายสัปดาห์มานี้ ราคาน้ำมันพุ่งสูงต่อเนื่อง เนื่องจากการหยุดชะงักของอุปทาน ที่เกิดจากรัสเซียบุกยูเครน

ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นดังกล่าวได้ส่งผลกระทบทางด้านการเงินของครอบครัวต่าง ๆ ทั่วโลก

“โจ ไบเดน” ประธานาธิบดีสหรัฐรวมถึงผู้นำคนอื่น ๆ ให้คำมั่นว่าจะพยายามบรรเทาผลกระทบที่มีต่อภาคครัวเรือน โดยเจ้าหน้าที่จากสหรัฐกำลังเจรจากับผู้ผลิตน้ำมันหลายราย โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มอุปทานน้ำมัน

“เราเลือกวิธีการเพิ่มการผลิต และจะสนับสนุนให้โอเปกพิจารณาระดับการผลิตที่สูงขึ้น” ยูซุฟ อัล โอไตบา เอกอัครราชทูตยูเออี เผยทางทวิตเตอร์ของสถานทูตยูเออีประจำกรุงวอชิงตัน

ราคาพลังงานพุ่งสูงขึ้นมานานกว่า 1 ปี ท่ามกลางอุปสงค์น้ำมันที่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ภายหลังการระบาดใหญ่ของโควิด

การบุกยูเครนของรัสเซียได้เพิ่มแรงกดดันรอบใหม่ต่อราคาน้ำมัน เนื่องจากการคว่ำบาตรรัสเซีย ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันประมาณ 7% ของอุปทานทั่วโลก ทำให้รัสเซียเกิดความยากลำบากในการหาผู้รับซื้อ

สหรัฐและแคนาดา ประกาศห้ามนำเข้าน้ำมันรัสเซีย ขณะที่อังกฤษระบุว่าจะยุติการนำเข้าน้ำมันรัสเซียาภายในสิ้นปีนี้

ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นกว่า 30% ตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แตะระดับ 139 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในสัปดาห์นี้ ก่อนที่จะร่วงลงมา โดยล่าสุดราคาน้ำมันในตลาดโลกร่วงลงประมาณ 12% อยู่ที่ 122 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (ไออีเอ) เพิ่งตกลงที่จะปล่อยน้ำมัน 60 ล้านบาร์เรลจากแหล่งสำรองเชิงยุทธศาสตร์ แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะรับมือกับราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา

ไออีเอระบุเมื่อวันพุธว่า อาจมีการใช้น้ำมันสำรองเพิ่มเติม

“หากมีความจำเป็น หากรัฐบาลของเราตัดสินใจเช่นนั้น เราสามารถนำน้ำมันเข้าสู่ตลาดได้มากขึ้น” เฟธ บิโรล ประธานอีไอเอ กล่าว

แถลงการณ์ของยูเออีมีขึ้นเพียง 1 สัปดาห์หลังจากโอเปกปฏิเสธข้อเรียกร้องให้เพิ่มระดับการผลิต โดยให้เหตุผลว่าจะยึดตามแผนก่อนหน้านี้ ที่จะค่อย ๆ เพิ่มกำลังการผลิต

หุ้นในเอเชียพุ่งขึ้นเช่นเดียวกับในสหรัฐและยุโรป ขณะที่ดัชนีนิกเคอิของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นมากกว่า 3% ในการซื้อขายช่วงเช้า ส่วนดัชนีฮั่งเส็งในฮ่องกงเพิ่มขึ้น 2.3%

ส่วนตลาดหุ้นไทยเช้านี้ (10 มี.ค.) ดัชนี SET Index เปิดตลาด อยู่ที่ระดับ 1,654.55 จุด ปรับขึ้น +10.91 จุด หรือคิดเป็น +0.66% มีมูลค่าซื้อขายรวมทั้งสิ้น 9,485 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.01.24 น. คลิกอ่านข่าวเพิ่มเติมที่นี่