หุ้นสหรัฐปิดครึ่งปีแรก ร่วงหนักสุดในรอบกว่า 50 ปี

REUTERS/Brendan McDermid/File Photo

ดัชนี S&P 500 ปิดครึ่งปีแรก ดิ่งแรงสุดในรอบ 52 ปี หลังมีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจ ขณะที่ดาวโจนส์ปิดดิ่งกว่า 250 จุด

วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 บิสสิเนสอินไซเดอร์รายงานว่า หุ้นสหรัฐฯร่วงหนัก ดัชนี S&P 500 ปิดครึ่งปีแรก ดิ่งแรงสุดในรอบ 52 ปี นับตั้งแต่ปี 2513 หลังการรายงานดัชนีค่าใช้จ่ายผู้บริโภคขั้นพื้นฐาน ขณะที่เมื่อวันพฤหัสบดีมีข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าการใช้จ่ายภาคครัวเรือนสหรัฐฯเติบโตช้าลงเมื่อเดือนที่แล้ว เนื่องจากชาวอเมริกันพยายามดิ้นรนเพื่อรับมือกับราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้น

ทั้งดัชนี S&P 500 และดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ กำลังเคลื่อนเข้าสู่ช่วง 3 เดือนที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่เกิดการระบาดใหญ่ของโควิด-19 โดยล่าสุดดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 3 0,775 จุด -253 จุด หรือ -0.82% ส่วนหุ้นกลุ่มเทคก็กอดคอกันร่วงลงเช่นกัน โดยแนสแด็กรวงลงมากกว่า 20% นับเป็นช่วงที่แย่สุดนับตั้งแต่ปี 2551

อัตราเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด สงครามในยูเครน และผลกระทบจากการระบาดใหญ่ทั่วโลก ล้วนเป็นปัจจัยที่สร้างความกดดันต่อตลาด หลายคนได้ออกมาส่งเสียงเตือนถึงภาวะถดถอยที่กำลังจะเกิดขึ้นทั่วโลก

ขณะที่ถ้อยแถลงจาก “เจอโรม พาวเวลล์” ประธานเฟด และธนาคารกลางอื่น ๆ เมื่อวันพุธ ยังทำให้เกิดความกังวลเรื่องภาวะถดถอยในหมู่นักลงทุนอีกครั้ง

ในการประชุมธนาคารกลางยุโรปที่โปรตุเกส พาวเวลล์กล่าวว่า ไม่มีอะไรการันตีได้ว่าสหรัฐฯจะสามารถหลีกเลี่ยงภาวะชะลอตัวที่รุนแรง ท่ามกลางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อ

พาวเวลล์กล่าวด้วยว่า กระบวนการนี้มีแนวโน้มที่จะสร้างความเจ็บปวด แต่ความเจ็บปวดที่แย่กว่านั้นคือความล้มเหลวในการจัดการกับภาวะเงินเฟ้อที่สูงเช่นนี้ และปล่อยให้มันเกิดขึ้นต่อไป

ขณะนี้บรรดานักลงทุนมองว่าธนาคารกลางสหรัฐฯจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงจากจุดพื้นฐาน 50 จุด ในปี 2566 เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัวลงอย่างรวดเร็ว

ในขณะที่เบิร์กเชียร์แฮทาเวย์ของ “วอร์เรน บัฟเฟตต์” ทำเงินได้เกือบ 40 เท่าจากหุ้นรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน BYD หลังจากวางเดิมพัน 232 ล้านดอลลาร์ เมื่อปี 2551 ปัจจุบันหุ้นตัวนี้มีมูลค่ากว่า 9,000 ล้านดอลลาร์

ส่วนคริปโต เจอพิษจากกองทุนป้องกันความเสี่ยง Three Arrows Capital ซึ่งลากบิตคอยน์ร่วงหลุด 19,000 ดอลลาร์ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา