รัสเซียถล่มเมืองโอเดสซา ดับ 18 ราย หลังถอนกำลังออกจากเกาะงู

รัสเซียถล่มเมืองโอเดสซา ดับ18 ราย หลังถอนกำลังออกจากเกาะงู
REUTERS/Iryna Nazarchuk

การโจมตีด้วยขีปนาวุธของรัสเซีย คร่าชีวิตผู้คน 18 ราย บาดเจ็บอีกหลายสิบคนในเมืองโอเดสซา หนึ่งวันหลังจากกองทัพรัสเซียถอนกำลังออกจากเกาะงู

วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 เอเอฟพีรายงานว่า ข่าวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากผู้นำนาโตเสร็จสิ้นการประชุมสุดยอดในกรุงมาดริด โดย “โจ ไบเดน” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ประกาศอนุมัติเงินช่วยเหลือทางการทหารให้กับยูเครนอีก 800 ล้านดอลลาร์ เพื่อจัดหาอาวุธชุดใหม่ให้ยูเครน

ไบเดนกล่าวว่า เราจะเคียงข้างยูเครน และพันธมิตรทั้งหมดก็จะอยู่เคียงข้างยูเครน เพื่อให้แน่ใจว่ายูเครนจะไม่แพ้รัสเซีย

รัสเซียยิงขีปนาวุธเมื่อช่วงเช้าวันศุกร์ สร้างความเสียหายให้กับอาคารอพาร์ตเมนต์และศูนย์นันทนาการ ที่อยู่ห่างจากท่าเรือโอเดสซาไปทางใต้ประมาณ 80 กิโลเมตร โดยเมืองโอเดสซาเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ในความขัดแย้งครั้งนี้ และก่อนหน้านี้ได้เกิดสถานการณ์รุนแรงที่ไม่สามารถควบคุมได้

เบื้องต้นหน่วยบริการฉุกเฉินของยูเครนระบุว่า มีผู้เสียชีวิต 17 ราย และบาดเจ็บ 30 ราย หลังการโจมตีสองครั้ง ต่อมาเจ้าหน้าที่อาวุโสของยูเครนเผยทางเทเลแกรมว่า จำนวนผู้เสียชีวิตมีทั้งหมด 18 ราย ในจำนวนนี้มีเด็ก 2 ราย

โฆษกกองทัพเมืองโอเดสซาเผยว่า การโจมตีสองครั้งดังกล่าวเกิดขึ้นในเมืองบิลโฮรอด-ดนิสทรอฟสกี โดยเป็นการโจมตีจากเครื่องบินที่บินมาจากทะเลดำ

เขาเผยด้วยว่า สถานการณ์เลวร้ายที่สุดได้เกิดขึ้น และมีเครื่องบินยุทธศาสตร์ 2 ลำบินมาที่เมืองโอเดสซา พร้อมระบุว่า รัสเซียยิงขีปนาวุธที่รุนแรงและมีอาณุภาพสูงมาก

เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ เกิดความไม่พอใจทั่วโลก เมื่อการโจมตีของรัสเซียได้ทำลายศูนย์การค้าแห่งหนึ่งในเมืองเครเมนชุก ทางตอนกลางของยูเครน ส่งผลให้พลเรือนเสียชีวิตอย่างน้อย 18 ราย แต่ “วลาดีมีร์ ปูติน” ประธานาธิบดีรัสเซียปฏิเสธว่ากองทัพรัสเซียไม่ได้อยู่เบื้องหลังการโจมตีครั้งนี้

ปฏิรูปต่อต้านคอร์รัปชั่น

การโจมตีครั้งล่าสุดเกิดขึ้นหนึ่งวันหลังจากกองทัพรัสเซียถอนกำลังออกจากฐานที่มั่นบนเกาะงู ซึ่งอยู่นอกชายฝั่งเมืองโอเดสซา

เกาะดังกล่าวได้กลายเป็นสัญลักษณ์การต่อต้านของยูเครนในช่วงวันแรก ๆ ของสงคราม เมื่อกองกำลังยูเครนพากันตะโกนขับไล่ให้เรือรบรัสเซีย “ไปตายซะ” หลังจากที่เรือรบลำดังกล่าวแจ้งให้พวกเขายอมแพ้ ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นได้กลายเป็นมีมในเวลาต่อมา

นอกจากนี้ เกาะงูยังเป็นเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ เนื่องจากตั้งอยู่ใกล้กับเส้นทางการขนส่งทางเรือใกล้กับท่าเรือโอเดสซา ซึ่งรัสเซียพยายามติดตั้งขีปนาวุธและระบบป้องกันภัยทางอากาศ ในระหว่างที่ถูกยิงจากโดรน

ยูเครนเพิ่งได้รับสถานะผู้สมัครจากสหภาพยุโรป (อียู) ในระหว่างที่อียูกำลังผลักดันให้ยูเครนเข้าร่วมกลุ่ม แม้ว่าการจะได้รับสถานะสมาชิกนั้นจะต้องใช้เวลาอีกหลายปี

เมื่อวันศุกร์ “เออซูลา วอน เดอ เลเยน” ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป กล่าวกับรัฐสภายูเครนว่า สมาชิกภาพนั้นอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม แต่ได้เรียกร้องให้ยูเครนเดินหน้าปฏิรูปเพื่อต่อต้านการทุจริต

“โวโลดีมีร์ เซเลนสกี” ประธานาธิบดียูเครน ประกาศว่ายูเครนได้เริ่มส่งออกกระแสไฟฟ้าไปยังอียูผ่านทางโรมาเนีย เนื่องจากมีความกังวลว่าจะเกิดวิกฤตพลังงานในยุโรป จากการที่รัสเซียลดการส่งก๊าซธรรมชาติลง

เมื่อวันพฤหัสบดี “เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ” รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เปรียบเทียบความตึงเครียดที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นกับ “สงครามเย็น”

เขากล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ม่านเหล็กกำลังรูดลงมาอีกครั้ง

เกาะงู

อย่างไรก็ตามยังคงมีความหวังที่ริบหรี่ เมื่อ “โจโค วิโดโด” ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย กล่าวว่า เขาได้ส่งข้อความจากเซเลนสกีถึงปูตินแล้ว

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากวิโดโดเดินทางเยือนทั้งกรุงมอสโกและกรุงเคียฟ

เซเลนสกีกล่าวว่า การตัดสินใจถอนทหารออกจากเกาะงูของรัสเซียนั้นได้เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ในทะเลดำเป็นอย่างมาก

เขากล่าวในการแถลงประจำวันว่า แต่นั่นยังไม่รับประกันความปลอดภัย และไม่ได้รับประกันว่าศัตรูจะไม่กลับมา เพียงแต่ได้จำกัดการดำเนินกิจกรรมใด ๆ ของผู้ยึดครอง

กระทรวงกลาโหมรัสเซียอธิบายการล่าถอยของรัสเซียว่าเป็น “การแสดงความปรารถนาดี” ซึ่งหมายถึงการแสดงให้เห็นว่ารัสเซียจะไม่แทรกแซงความพยายามของสหประชาชาติในการจัดระเบียบการส่งออกธัญพืชจากยูเครน

ในยามสงบ ยูเครนเป็นผู้ส่งออกสินค้าการเกษตรรายใหญ่ แต่การรุกรานของรัสเซียได้สร้างความเสียหายต่อพื้นที่เกษตรกรรม และการปิดท่าเรือของยูเครนก็ได้สร้างความกังวลเกี่ยวกับการขาดแคลนอาหาร โดยเฉพาะในประเทศยากจน

มหาอำนาจตะวันตกกล่าวหาว่าปูตินใช้ธัญพืชเป็นอาวุธเพื่อเพิ่มแรงกดดันต่อประชาคมโลก และรัสเซียถูกกล่าวหาว่าขโมยธัญพืชเหล่านั้น

ผู้นำภูมิภาคที่ได้รับการแต่งตั้งโดยกองกำลังรัสเซียระบุว่า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เรือลำหนึ่งบรรทุกธัญพืชน้ำหนัก 7,000 ตัน แล่นจากท่าเรือเบอร์เดียนสค์ของยูเครนที่ถูกยึดครอง

ดอนบัสลุกเป็นไฟ

“เยฟเจนี บาลิตสกี” ฝ่ายบริหารที่สนับสนุนรัสเซีย กล่าวว่า เรือในทะเลดำของรัสเซียกำลังรับประกันความปลอดภัยของการเดินทาง พร้อมเสริมว่า ท่าเรือแห่งนี้มีการรื้อถอนทุ่นระเบิดแล้ว

ความขัดแย้งในยูเครนได้ครอบงำการประชุมสุดยอดนาโตในกรุงมาดริดสัปดาห์นี้ เนื่องจากนาโตได้เชิญสวีเดนและฟินแลนด์เข้าร่วมกลุ่ม และไบเดนประกาศการส่งกำลังทหาร เรือ และเครื่องบินไปยังยุโรป

ขีปนาวุธรัสเซียยังคงยิงถล่มในพื้นที่อื่น ๆ ของยูเครนอย่างต่อเนื่อง โดยที่เมืองลีซีชานสก์ ทางตะวันออกของภูมิภาคดอนบัส กำลังถูกโจมตีด้วยระเบิดด์เข้าร่วมกลุ่ม

ขีปนาวุธรัสเซียยังคงยิงถล่มในพื้นที่อื่น ๆ ของยูเครนอย่างต่อเนื่อง โดยที่เมืองลีซีชานสก์ ทางตะวันออกของภูมิภาคดอนบัส กำลังถูกโจมตีด้วยระเบิด

การยึดครองเมืองดังกล่าวจะทำให้รัสเซียสามารถรุกเข้าไปในดอนบัสได้มากขึ้น โดยดอนบัสได้กลายเป็นจุดสนใจในการรุกของรัสเซีย เนื่องจากรัสเซียไม่สามารถยึดกรุงเคียฟได้ หลังเปิดฉากบุกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์

“ชาวเมืองลีซีชานสก์แทบไม่ได้ออกจากชั้นใต้ดินและบ้านของตัวเอง” เขาเขียนบนเทเลแกรม พร้อมระบุว่า ไฟได้ปะทุขึ้นตามบ้านเรือนและห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ และล่าสุดรัสเซียได้เข้าควบคุมส่วนต่าง ๆ ในโรงกลั่นน้ำมันของเมืองแล้ว