- ทศพล ชัยสัมฤทธิ์ผล
- ผู้สื่อข่าวบีบีซีไทย
อดีตนายกรัฐมนตรีวัย 67 ปี ชินโซ อาเบะ ขึ้นปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งให้พรรคแอลดีพี หรือพรรคเสรีประชาธิปไตย 2 วันก่อนวันเลือกตั้ง แต่ไม่นาน เสียงปืนดังขึ้น ผู้คนแตกตื่น เจ้าหน้าที่รีบพุ่งเข้าไปรวบตัวผู้ก่อเหตุ ส่วนนายอาเบะล้มลงกับพื้น เลือดไหลออกจากบริเวณลำคอ ต่อมาอดีตผู้นำญี่ปุ่นถึงแก่อสัญกรรม
เหตุ ลอบยิง-ลอบสังหาร ครั้งนี้ เป็นอีกครั้งที่ภาพลักษณ์ “สังคมสันติ” ของญี่ปุ่นถูกท้าทาย จากที่เกิดเหตุรุนแรง และมือมีดอาละวาดเพิ่มมากขึ้น นับแต่โลกเผชิญกับโควิด สาเหตุที่เหตุอาชญากรรมในญี่ปุ่นส่วนใหญ่อาวุธจะเป็นมีด เพราะญี่ปุ่นมีกฎหมายปืนที่เข้มงวดมาก
- ทำฟันประกันสังคม ไม่ต้องสำรองจ่าย เดือน มี.ค. 67 ยอด 169 ล้านบาท
- สหรัฐ อังกฤษ ฝรั่งเศส ไทย และหลายชาติ ออกแถลงการณ์ร่วม เรียกร้องปล่อยตัวประกันในกาซา
- “ทางรัฐ” ซูเปอร์แอปแห่งชาติ รองรับแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท
ผศ.ดร. ธีวินท์ สุพุทธิกุล หัวหน้าภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่เคยศึกษาปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยวาเซดะในญี่ปุ่น มองว่า “เมื่อสังคมดูปลอดภัยแล้ว เมื่อเกิดอาชญากรรมแล้วมันจึงดูน่ากลัว”
แต่อาชญากรรมที่น้อยในญี่ปุ่น มีอีกปัจจัย คือ คนไม่ได้ก่ออาชญากรรมเพื่อ “ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ” อาทิ การปล้น จี้ หรือลักขโมย เหมือนในสังคมไทยที่ทำไปเพราะความยากจน แต่อาชญากรรมในญี่ปุ่นมีเป้าหมายที่ชัดเจน จากความโกรธแค้น และอุดมการณ์ทางการเมือง อย่างการลอบสังหารนักการเมืองแบบนี้
วัฒนธรรมความรุนแรงทางการเมืองของญี่ปุ่น
กรกิจ ดิษฐาน นักเขียนและนักประวัติศาสตร์อิสระ มองว่าการลอบยิงนายอาเบะ เป็น “การลอบสังหาร” และเป็น “เรื่องสั่นสะเทือน” สังคมญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก และจะยิ่งส่งแรงกระเพื่อมรุนแรงสู่ภาคการเมือง หากแรงจูงใจมาจากอุดมการณ์ทางการเมืองที่ขัดแย้งกับนายอาเบะ ซึ่งเป็นนักการเมืองสายเหยี่ยว สนับสนุนไต้หวัน และกล้าต่อต้านจีน
กรกิจ บอกกับบีบีซีไทยว่า ช่วงหลังปี 1960 วัฒนธรรมความรุนแรงต่อการเมืองได้จางหายไปค่อนข้างมาก จากที่ชาวญี่ปุ่นเคยเผชิญกับยุคแห่งการลอบสังหาร การทำร้ายนักการเมือง และความแตกแยกของขั้วซ้าย-ขวา
เหตุลอบสังหารนายกฯ-อดีตนายกฯ ญี่ปุ่น
4 พ.ย. 1921 – นายกรัฐมนตรี ฮาระ ทาเคชิ ถูกฝ่ายขวาจัดใช้มีดแทงที่สถานีรถไฟโตเกียว
14 พ.ย. 1930 – นายกรัฐมนตรีฮามากุจิ โอซาจิ ถูกฝ่ายขวายิงที่สถานีรถไฟโตเกียว แต่รอดชีวิตมาได้ ก่อนเสียชีวิตในอีก 9 เดือนต่อมา
15 พ.ค. 1932 – เหตุทหารหนุ่มญี่ปุ่น 15 นายลอบสังหารนายกฯ อินุไค ซึโยชิ
26 ก.พ. 1936 – กลุ่มนายทหารนาวิกโยธิน 11 นาย พยายามยึดอำนาจ ยกกำลังลอบสังหารนักการเมือง ส่งผลให้อดีตนายกฯ 2 คน เสียชีวิต ส่วนนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น คือ เคสึเกะ โอคาดะ รอดชีวิตได้หวุดหวิด หนึ่งในอดีตนายกฯ ที่เสียชีวิต คือ ไซโก มาโกโตะ เป็นผู้ดำรงตำแหน่งต่อจากซึโยชิ ที่ถูกลอบสังหารในปี 1932 นั่นเอง
14 ก.ค. 1960 – นายกรัฐมนตรีโนบุสุเกะ กิชิ (ตาของชินโซ อาเบะ) เจ้าของฉายา “อสูรแห่งยุคโชมะ” ถูกลอบสังหารด้วยมีด แต่รอดชีวิตมาได้
12 ต.ค. 1960 – ผู้ก่อเหตุใช้ดาบญี่ปุ่นจัวงแทงนายกรัฐมนตรีอิเนจิโร อาซานุมะ จนเสียชีวิต ระหว่างการปราศรัย
8 ก.ค. 2022 – อดีตนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่น ถูกชายวัยกว่า 40 ปี ยิงสองนัดจากด้านหลัง ระหว่างปราศรัยหาเสียงในเมืองนารา ก่อนที่ทางการจะยอมรับว่า เขาถึงแก่อสัญกรรมในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาล
“ยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 (ก่อนปี 1935) มีการลอบสังหารนายกฯ ญี่ปุ่นค่อนข้างบ่อย” กรกิจ ระบุในโพสต์ของเขาบนเฟซบุ๊ก “ส่วนใหญ่เป็นการลงมือของฝ่ายขวาในยุครัฐบาลประชาธิปไตยเฟื่องฟู”
ส่วนในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 การลอบสังหารยังเกิดขึ้นประปราย โดยกรณีใหญ่สุด คือ การใช้ดาบสังหารนายกรัฐมนตรีอิเนจิโร อาซานุมะ ระหว่างการขึ้นปราศรัยบนเวที โดยมีภาพข่าวที่กลายเป็นที่โจษจันกันอย่างกว้างขวางในวงการสื่อสารมวลชนโลก เพราะจับภาพช่วงที่กำลังง้างจ้วงดาบเข้าใส่นายอาซานุมะได้พอดี
“อาซานุมะเป็นนักการเมืองฝ่ายซ้าย แรงจูงใจเพราะเขาไปเยี่ยมจีน และมีจุดยืนแบบสังคมนิยม ทำให้ฝ่ายขวาจัดไม่พอใจ” กรกิจ อธิบายกับบีบีซี
‘การเมืองแห่งการลอบสังหาร’
ผศ.ดร.ธีวินท์ บัณฑิตปริญญาเอกจากญี่ปุ่น ที่กำลังทำวิจัยเรื่องความมั่นคงของญี่ปุ่นอยู่ มองว่า ห้วงเวลาดังกล่าวเป็น “ช่วงเวลาการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างสุดโต่ง” ไม่ว่าจะความพยายามสร้างประเทศให้ทันสมัยเพื่อต่อกรกับจักรวรรดินิยมตะวันตกในสมัยเมจิ และปัญหามากมายที่ญี่ปุ่นต้องเผชิญหลังแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อให้เกิดกลุ่มอุดมการณ์ทางการเมืองขึ้นมา
ฝ่ายขวา – ที่อยากให้ญี่ป่นมีกำลังทหารเข้มแข็งสู้กับต่างชาติได้ มีความชาตินิยมสุดโต่ง
ฝ่ายซ้าย – รณรงค์หลักสันติและสังคมนิยม
“มันจึงเรียกว่าการเมืองแห่งการลอบสังหาร (Politics of Assassination)” ผศ.ดร.ธีวินท์ อธิบายว่าคือ “การเมืองที่ใช้ความรุนแรง ลอบสังหาร เป็นเครื่องมือเพื่อทำลายศัตรูทางการเมือง”
แต่นั่นคือในอดีต ในยุคแห่งความขัดแย้งและสงคราม แต่ยุคปัจจุบันที่ญี่ปุ่นเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ ผศ.ดร.ธีวินท์ วิเคราะห์ว่า บรรยากาศทางการเมืองในตอนนี้ เริ่มมีความเห็นต่างมากขึ้น และคนญี่ปุ่นโอนเอียงไปทางฝ่ายขวา จากนโยบายต่างประเทศของญี่ปุ่นที่เปลี่ยนไปตามภูมิรัฐศาสตร์ และภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ การขับเคลื่อนการขยายศักยภาพทางทหารจึงเพิ่มมากขึ้น
“ญี่ปุ่นเป็นชาติใฝ่สันติ ตอนนี้ สนใจการป้องกันประเทศมากขึ้น ที่จริงก็สอดคล้องกับสิ่งที่ญี่ปุ่นเผชิญอยู่ ประชาชนส่วนใหญ่ก็มองว่าเป็นเรื่องถูกต้องแล้ว” แต่ ผศ.ดร.ธีวินท์ ไม่อยากคาดเดาว่า การลอบสังหารนายอาเบะ จะมีแรงจูงใจจากอุดมการณ์ทางการเมืองหรือไม่
อดีตนายกฯ ญี่ปุ่นเอง แม้พ้นตำแหน่งแล้ว แต่เขาออกมาประกาศพร้อมที่จะเข้าปกป้องไต้หวันหากจีนใช้กำลังเข้ายึดครอง ด้วยเหตุผลว่าเป็นบ้านพี่เมืองน้อง ถือเป็นการสนับสนุนการส่งทหารญี่ปุ่นไปทำสงครามในต่างแดน และเพิ่มความตึงเครียดกับจีนไปด้วย
แต่ไม่ว่าจะด้วยการลอบสังหารเพราะขัดอุดมการณ์ หรือแรงจูงใจส่วนบุคคล นักการเมืองไม่ว่าขั้วไหนก็ต้องทำให้สังคมเห็นว่า “การใช้กำลังความรุนแรงแบบนี้ เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง”
“ถ้ามันเชื่อมโยงกับกลุ่มอุดมการณ์บางอย่าง หรือไม่อยากเห็นญี่ปุ่นเป็นรัฐทหาร วิธีการแบบนี้ก็ดูขัดแย้งกับสิ่งที่ฝ่ายซ้ายบอกว่าญี่ปุ่นควรยึดสันติวิธี แต่คุณกลับใช้ความรุนแรงกับฝ่ายตรงข้าม”
มีดอาละวาด…ปืนแทบไม่มี
รายงานของมหาวิทยาลัยวอชิงตัน ในสหรัฐฯ เมื่อปี 2022 เปิดเผยว่า ในสหรัฐฯ มีผู้ถูกฆาตกรรมด้วยอาวุธปืนราว 4 คนต่อประชากร 1 แสนคนในปี 2019 แต่ญี่ปุ่นนั้นการฆาตกรรมด้วยอาวุธปืนแทบจะเป็นศูนย์ ด้วยอัตราเพียง 0.02 ต่อประชากร 1 แสนคน
ปีที่ญี่ปุ่นเผชิญอาชญากรรมจากอาวุธปืนมากที่สุด คือปี 2013 เกิดคดีมากถึง 40 คดีที่ผู้ก่อเหตุใช้ปืน แต่นับแต่นั้นก็ลดลงต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม การก่อเหตุด้วยมีดหรือดาบกลับเพิ่มขึ้น
ครั้งที่ร้ายแรงครั้งหนึ่ง คือ เหตุชายญี่ปุ่นไล่แทงผู้โดยสารบนรถไฟในกรุงโตเกียว เมื่อ ส.ค. 2021
และเพราะสังคมการทำงานในญี่ปุ่นได้ชื่อว่ามีความเครียดสูง พอเกิดเหตุร้ายแบบนี้ คนญี่ปุ่นก็จะมีการเหมารวมว่า “เครียดหรือเปล่า ไม่มีทางออก เลยเข้าหาอาชญากรรม” ผศ.ดร.ธีวินท์ อธิบาย
สังคมญี่ปุ่นจะเปลี่ยนไปตลอดกาล?
กรกิจ มองว่า การลอบสังหารนายอาเบะจะ “สั่นสะเทือน” ไม่เพียงสังคมญี่ปุ่น แต่กับด้านการทหารและความสัมพันธ์จีน-ญี่ปุ่น-ไต้หวัน ด้วย จากการที่นายอาเบะวางตัวแข็งกร้าวกับจีน และสนับสนุนไต้หวันอย่างเห็นได้ชัด
เขายังเสริมว่า แม้ญี่ปุ่นมีกฎหมายปืนที่เข้มงวด และในอดีตนั้น การลอบสังหารมักเป็นมีดหรือดาบ แต่ญี่ปุ่นก็เกิดเหตุรุนแรงด้วยปืนในทางการเมืองด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะการสังหารนายกเทศมนตรีนางาซากิโดยกลุ่มขวาจัดในปี 1990 การยิงทำร้ายรองประประธานพรรคแอลดีพี เมื่อปี 1992 และยากูซายิงนายกเทศมนตรีจังหวัดนางาซากิ ในปี 2007
ผศ.ดร.ธีวินท์ ยังไม่ฟันธงว่าสังคมญี่ปุ่นจะเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน แต่อยากให้เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่า “มันมีกลุ่มสุดโต่งแบบนี้อยู่ในสังคมเหมือนกัน”
“เราอาจต้องดำเนินนโยบาย เสนออะไรบางอย่าง ต้องคำนึงถึงฝ่ายตรงข้ามเหมือนกัน อย่างน้อยการใช้ความรุนแรงสร้างความหวาดกลัว ต้องให้สังคมรู้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง”
….
ข่าว บีบีซี ไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว