บาทแข็งค่า รับข่าว Brexit ขณะตัวเลขสหรัฐยังอ่อนแอ

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า ภาวะการเคลื่อนไหวของตลาดปริวรรตเงินตราต่างประเทศระหว่างวันที่ 14-18 ตุลาคม 2562 ตุลาคม 2562 ค่าเงินบาทเปิดตลาดวันอังคาร (15/10) ที่ระดับ 30.36/37 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ทรงตัวจากระดับปิดตลาดในวันศุกร์ (11/10) ที่ระดับ 30.38/39 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ โดยประเทศจีนและสหรัฐได้บรรลุข้อตกลงการค้าบางส่วนระหว่างกัน โดยสหรัฐ ตกลงที่จะระงับการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนจาก 25% เป็น 30% ที่กำหนดไว้ในวันที่ 15 ตุลาคมนี้ แลกกับการที่จีน เสนอซื้อสินค้าเกษตรจำนวนมากจากสหรัฐ รวมทั้งยังมีความคืบหน้าในด้านการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาด้วย โดยข้อตกลงส่วนใหญ่จะดำเนินไปเพื่อลดยอดขาดดุลทางการค้าของสหรัฐต่อจีน

อย่างไรก็ตามจีนต้องการการเจรจาเพิ่มเติมกับสหรัฐ ในช่วงปลายเดือนตุลาคมนี้ เพื่อสรุปรายละเอียดของข้อตกลงทางการค้าขั้นแรก ก่อนที่ผู้นำทั้งสองจะลงนามร่วมกันในเดือนหน้า โดยรายงานระบุว่าจีนต้องการให้ประธานาธิบดีทรัมป์ ล้มเลิกการเก็บภาษีนำเข้าในเดือนธันวาคมด้วย ในขณะที่สหรัฐก็ยังยืนยันว่า การขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนในวันที่ 15 ธันวาคมนี้ จะยังมีผลบังคับใช้ต่อไป หากยังไม่มีการลงนามข้อตกลงทางการค้าระหว่าง 2 ประเทศเกิดขึ้น โดยค่าเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงปรับตัวอ่อนค่าลงในช่วงปลายสัปดาห์จากตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ได้เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกปรับตัวลดลงร้อยละ 0.3 ในเดือนกันยายน ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 7 เดือน และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 โดยการปรับตัวลดลงของยอดค้าปลีกเป็นสัญญาณว่าการใช้จ่ายผู้บริโภคที่เคยเป็นปัจจัยกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานั้น กำลังชะลอตัวลง ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนมีมุมมองว่ามีโอกาสสูงขึ้นที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมรอบเดือนตุลาคม เพื่อหนุนให้เศรษฐกิจสหรัฐ ไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย

นอกจากนี้ นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก เปิดเผยว่าเฟดกำลังพิจารณาเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก โดยดูจากปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อแนวโน้มของเศรษฐกิจสหรัฐ อีกทั้งธนาคารกลางสหรัฐได้เปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจทั้ง 12 เขต หรือ “Beige Book” เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขนายตัวเล็กน้อยในเดือนกันยายน จนถึงช่วงต้นเดือนตุลาคม ขณะที่บริษัทเอกชนจำนวนมากมีมุมมองเป็นลบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ สาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจในภูมิภาคลดลงสู่ระดับ 5.6 ในเดือนตุลาคม จากระดับ 12.0 ในเดือนกันยายน โดยได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของคำสั่งซื้อ และการขนส่งที่ปรับตัวลดลง นอกจากนี้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานว่าการผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือนกันยายนปรับตัวลดลง 0.4% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดในรอบ 5 เดือน ทั้งนี้ค่าเงินบาทมีการเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 30.25-30.46 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดวันศุกร์ (18/10) ที่ระดับ 30.26/28 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับค่าเงินยูโรเปิดตลาดวันอังคาร (15/10) ที่ระดับ 1.1030/31 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ปรับตัวแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (11/10) ที่ระดับ 1.1019/20 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร โดยนายมิเชล บาร์นิเยร์ หัวหน้าผู้แทนการเจรจาฝ่ายสหภาพยุโรป (EU) ว่าด้วยการแยกตัวของอังกฤษออกจาก EU (Brexit) ทวีตข้อความว่า การเจรจาเพื่อบรรลุข้อตกลง Brexit กับอังกฤษมีความยากลำบาก แต่เขาเชื่อว่าอังกฤษและ EU ยังคงมีแนวโน้มบรรลุข้อตกลง หากข้อตกลง Brexit ได้รับความเห็นชอบจากคณะผู้เจรจาทั้ง 2 ฝ่ายในสัปดาห์นี้ ก็อาจมีการลงนามอย่างเป็นทางการจากผู้นำ EU ในระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำที่กรุงบรัสเซลส์ในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์นี้ นอกจากนี้ตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหภาพยุโรปประจำเดือนกันยายนยังออกมาขยายตัวมากกว่าระดับคาดการณ์ โดยปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.4% ทั้งนี้ระหว่างสัปดาห์ค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.0989-1.1139 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดในวันศุกร์ (18/10) ที่ระดับ 1.112/27 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

ค่าเงินเยนเปิดตลาดวันอังคาร (15/10) ที่ระดับ 108.36/37 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวอ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (11/10) ที่ระดับ 108.13/15 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ โดยนายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) กล่าวในวันอังคารที่ผ่านมา (15/10) ว่า บีโอเจจะไม่ลังเลในการใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินเพิ่มเติม หากพบว่าปัจจัยเสี่ยงที่มีต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นนั้นมีมมากขึ้นและส่งผลคุกคามต่อเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% ของบีโอเจ นายคุโรดะยังกล่าวด้วยว่า บีโอเจจะจับตาผลกระทบทางเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากพายุไต้ฝุ่นพัดถล่มญี่ปุ่นเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา และจะพยายามรักษากลไกทางการเงินและการชำระหนี้ให้เป็นไปอย่างราบรื่น โดยเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงอยู่ในแนวโน้มการขยายตัวปานกลาง แม้ว่าการส่งออก ผลผลิต และความเชื่อมั่นทางธุรกิจจะได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐิจในต่างประเทศก็ตาม ขณะที่ระบบการเงินของญี่ปุ่นยังคงมีเสถียรภาพ ขณะที่ช่วงกลางสัปดาห์ค่าเงินเยนยังคงทยอยปรับตัวอ่อนค่าลงเนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยหลังตลาดคลายความกังวลเรื่องการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (ฺBrexit) และสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ ทั้งนี้ในสัปดาห์นี้ค่าเงินเยนเคลื่อนไหวระหว่าง 108.02-108.93 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนปิดตลาดในวันศุกร์ (18/10) ที่ระดับ 108.65/67 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ