นายกรัฐมนตรีเยอรมนีชี้ การต่ออายุการใช้งานโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์อาจ ‘สมเหตุสมผล’ เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตพลังงานในช่วงฤดูหนาว
วันที่ 4 สิงหาคม 2565 โพลิติโค รายงานว่า โอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี กล่าวว่า การยืดอายุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของประเทศอาจ “สมเหตุสมผล” เนื่องจากการขนส่งก๊าซจากรัสเซียที่ลดลง อาจก่อให้เกิดวิกฤตเชื้อเพลิงในฤดูหนาว
- ด่วน! โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ครม.เศรษฐา 1/1 รัฐมนตรีใหม่ 13 ตำแหน่ง
- ล้งกระหน่ำทุบราคามังคุด จากโลละ 200 เหลือ 60 บาท
- ทูลเกล้า 11 รายชื่อคณะรัฐมนตรี เศรษฐา 1/1 ออก 4 เข้าใหม่ 6 ตำแหน่ง
ในระหว่างการเยี่ยมชมบริษัท ซีเมนส์ (Siemens Energy) ในเมืองมูลไฮม์ ประเทศเยอรมนี (Mülheim an der Ruhr) ซึ่งปัจจุบันเป็นสถานที่จัดเก็บกังหันท่อขนส่ง ซึ่งเป็นหัวใจหลักของข้อพิพาทด้านก๊าซของรัสเซีย
นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ถูกถามถึงคำตอบที่เขาจะพูดกับพันธมิตรในยุโรปที่เรียกร้องให้เยอรมนีเปิดให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทำงานต่อไป
เขาตอบว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั้ง 3 เเห่ง มีสัดส่วนเป็นเพียง “ส่วนน้อย” ของปริมาณไฟฟ้าทั้งหมดของเยอรมนี “เเต่ก็อาจสมเหตุสมผล” ที่จะปล่อยให้โรงไฟฟ้าเหล่านี้ทำงานได้นานขึ้น ทั้งที่ โรงงานไฟฟ้าทั้ง 3 เเห่งมีกำหนดปิดดำเนินการภายในสิ้นปีนี้
โดยชี้ว่าในบางรัฐ เช่น บาวาเรีย อาจต้องปล่อยให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของตนดำเนินการต่อไป เนื่องจากการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนในรัฐเหล่านี้ยังล่าช้า
อีกทั้งทางการจะ “สรุปผล” การทดสอบภาวะวิกฤตของระบบไฟฟ้าที่กำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งคาดว่าจะได้รับผลการทดสอบภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
การคุกคามจากการปิดท่อขนส่งก๊าซของรัสเซีย ทำให้เกิดการถกเถียงขึ้นอีกครั้งเกี่ยวกับการชะลอการเลิกผลิตพลังงานนิวเคลียร์ ในขณะที่พรรคเสรีนิยมประชาธิปไตย (Liberal Free Democrat) ซึ่งเป็นพรรคที่เล็กที่สุดในพรรครัฐบาลทั้ง 3 พรรค ต้องการให้โรงงานนิวเคลียร์ทำงานได้นานขึ้น
ส่วนพรรคกรีนคัดค้านการเคลื่อนไหวดังกล่าวอย่างแข็งขันเสมอ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็ว ๆ นี้ เหล่าผู้นำพรรคกรีนได้ส่งสัญญาณอย่างเปิดเผยว่า ยอมรับให้มีการเปิดโรงงานพลังงานนิวเคลียร์ต่อไปได้
ขณะที่ ไฟเเนนเชียลไทมส์ รายงานว่า นายกรัฐมนตรีเยอรมนีโต้ข้อกล่าวหาจากรัสเซียถึงความล่าช้าในการเปิดท่อขนส่งก๊าซ นอร์ดสตรีม 1 ว่าความผิดทั้งหมดเกิดจากการที่รัสเซียล้มเหลวในการส่งมอบอุปกรณ์ ส่งผลให้การติดตั้งกังหันในท่อขนส่งนั้นล่าช้าลง
“เห็นได้ชัดว่าไม่มีอะไร ไม่มีอะไรเลยจริง ๆ ที่ขวางการขนส่งกังหันนี้ไปยังรัสเซียและกลับไปติดตั้งที่นั่น” โชลซ์กล่าว