เยอรมนี เล็งต่ออายุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ อ้างรัสเซียส่งก๊าซช้า

รัสเซีย นอร์ด สตรีม
ท่อส่งก๊าซ นอร์ด สตรีม 1 ในเมืองลูบลิน เยอรมนี (ภาพจาก FILE PHOTO: Pipes at the landfall facilities of the 'Nord Stream 1' gas pipeline are pictured in Lubmin, Germany, March 8, 2022. REUTERS/Hannibal Hanschke/File Photo)

นายกรัฐมนตรีเยอรมนีชี้ การต่ออายุการใช้งานโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์อาจ ‘สมเหตุสมผล’ เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตพลังงานในช่วงฤดูหนาว

วันที่ 4 สิงหาคม 2565 โพลิติโค รายงานว่า โอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี กล่าวว่า การยืดอายุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของประเทศอาจ “สมเหตุสมผล” เนื่องจากการขนส่งก๊าซจากรัสเซียที่ลดลง อาจก่อให้เกิดวิกฤตเชื้อเพลิงในฤดูหนาว

ในระหว่างการเยี่ยมชมบริษัท ซีเมนส์ (Siemens Energy) ในเมืองมูลไฮม์ ประเทศเยอรมนี (Mülheim an der Ruhr) ซึ่งปัจจุบันเป็นสถานที่จัดเก็บกังหันท่อขนส่ง ซึ่งเป็นหัวใจหลักของข้อพิพาทด้านก๊าซของรัสเซีย

นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ถูกถามถึงคำตอบที่เขาจะพูดกับพันธมิตรในยุโรปที่เรียกร้องให้เยอรมนีเปิดให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทำงานต่อไป

เขาตอบว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั้ง 3 เเห่ง มีสัดส่วนเป็นเพียง “ส่วนน้อย” ของปริมาณไฟฟ้าทั้งหมดของเยอรมนี “เเต่ก็อาจสมเหตุสมผล” ที่จะปล่อยให้โรงไฟฟ้าเหล่านี้ทำงานได้นานขึ้น ทั้งที่ โรงงานไฟฟ้าทั้ง 3 เเห่งมีกำหนดปิดดำเนินการภายในสิ้นปีนี้

โดยชี้ว่าในบางรัฐ เช่น บาวาเรีย อาจต้องปล่อยให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของตนดำเนินการต่อไป เนื่องจากการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนในรัฐเหล่านี้ยังล่าช้า

อีกทั้งทางการจะ “สรุปผล” การทดสอบภาวะวิกฤตของระบบไฟฟ้าที่กำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งคาดว่าจะได้รับผลการทดสอบภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

การคุกคามจากการปิดท่อขนส่งก๊าซของรัสเซีย ทำให้เกิดการถกเถียงขึ้นอีกครั้งเกี่ยวกับการชะลอการเลิกผลิตพลังงานนิวเคลียร์ ในขณะที่พรรคเสรีนิยมประชาธิปไตย (Liberal Free Democrat) ซึ่งเป็นพรรคที่เล็กที่สุดในพรรครัฐบาลทั้ง 3 พรรค ต้องการให้โรงงานนิวเคลียร์ทำงานได้นานขึ้น

ส่วนพรรคกรีนคัดค้านการเคลื่อนไหวดังกล่าวอย่างแข็งขันเสมอ

อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็ว ๆ นี้ เหล่าผู้นำพรรคกรีนได้ส่งสัญญาณอย่างเปิดเผยว่า ยอมรับให้มีการเปิดโรงงานพลังงานนิวเคลียร์ต่อไปได้

ขณะที่ ไฟเเนนเชียลไทมส์ รายงานว่า นายกรัฐมนตรีเยอรมนีโต้ข้อกล่าวหาจากรัสเซียถึงความล่าช้าในการเปิดท่อขนส่งก๊าซ นอร์ดสตรีม 1 ว่าความผิดทั้งหมดเกิดจากการที่รัสเซียล้มเหลวในการส่งมอบอุปกรณ์ ส่งผลให้การติดตั้งกังหันในท่อขนส่งนั้นล่าช้าลง

“เห็นได้ชัดว่าไม่มีอะไร ไม่มีอะไรเลยจริง ๆ ที่ขวางการขนส่งกังหันนี้ไปยังรัสเซียและกลับไปติดตั้งที่นั่น” โชลซ์กล่าว