คอลัมน์ : สามัญสำนึก ผู้เขียน : สมปอง แจ่มเกาะ
ถึงวันนี้…นี่ก็ล่วงเลยเข้ากลางเดือน ม.ค. เดือนแรกของปีเข้าไปแล้ว
เปิดศักราชใหม่ ปี 2566 ขึ้นมา ทุกคนล้วนตั้งความหวังและปรารถนาอยากจะให้ปีนี้เป็นปีที่ดี เป็นปีแห่งความหวัง เป็นปีที่จะกลับมาลืมตาอ้าปากได้มากขึ้น
- ทำฟันประกันสังคม ไม่ต้องสำรองจ่าย เดือน มี.ค. 67 ยอด 169 ล้านบาท
- รู้ไหม ? 31 มณฑลจีน ชอบสินค้าอะไรของไทย
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
ปีนี้ ในแง่ภาพรวมแนวโน้มเศรษฐกิจโลกอาจจะมีสัญญาณภาวะถดถอย ทั้งจากปัญหาสงครามในยูเครน และอัตราเงินเฟ้อที่ทรงตัวสูงทั้งในสหรัฐและยุโรป
สำหรับเมืองไทยของเรา แม้เศรษฐกิจจะค่อย ๆ เริ่มฟื้นตัวและมีแนวโน้มดีขึ้น แต่ก็ยังมีความเปราะบาง ยังวางใจไม่ได้นัก เพราะตอนนี้หลัก ๆ ยังเน้นพึ่งพาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นหลัก ส่วนการส่งออก เครื่องจักรอีกตัวหนึ่งก็อาจจะไม่สดใสนัก ดังนั้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจึงอาจจะได้ไม่เต็มที่นัก
อีกด้านหนึ่งผู้ประกอบการธุรกิจน้อยใหญ่ต่างกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาต้นทุนที่อยู่ในช่วงขาขึ้น ทั้งค่าแรง ค่าไฟ วัตถุดิบ และอื่น ๆ อีกจิปาถะ ตอนนี้แม้ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะยังอยู่ในระดับประมาณ 78-79 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ก็มีแนวโน้มจะทยอยปรับตัวเพิ่มขึ้น บางสำนักก็คาดว่าอาจจะเห็นกลับมาแตะหลัก 100 ดอลลาร์/บาร์เรล
น้ำมันคือต้นทุนของทุกสิ่งอย่าง ราคาน้ำมันขยับขึ้นเมื่อไหร่ก็จะเดือดร้อนกันทุกหย่อมหญ้า
ที่สาหัสไม่น้อยก็เห็นจะเป็นประชาชนตาดำ ๆ ที่ต้องแบกภาระหนักค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นไม่หยุด
ล่าสุด ข่าวจีนประกาศเปิดประเทศเร็วขึ้นกว่าที่หลาย ๆ ฝ่ายคาดการณ์ไว้ สร้างความตื่นตัวให้กับธุรกิจท่องเที่ยวไทยไม่น้อย
สำหรับคนในแวดวงท่องเที่ยวเองต่างก็รับรู้กันดีว่า ในทางปฏิบัติ กว่านักท่องเที่ยวจีนจะเข้ามาก็ต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง อาจจะสักช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย.เป็นต้นไป เพราะอย่างน้อยที่สุดตอนนี้จำนวนไฟลต์บิน จำนวนที่นั่ง อาจจะยังมีไม่มากนัก และราคายังสูงอยู่ ประกอบกับทางการจีนยังไม่ได้เปิดแบบ 100% การออกมาแบบกรุ๊ปทัวร์ยังทำไม่ได้ในเวลานี้
ช่วงนี้ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ จึงได้เร่งเตรียมตัวเตรียมความพร้อมเพื่อต้อนรับการหลั่งไหลของนักท่องเที่ยวจีนและเม็ดเงินมหาศาลที่กำลังจะโปรยปรายลงมา
อาจจะกล่าวได้ว่า นี่คือความหวังในการฟื้นเศรษฐกิจของประเทศอีกทางหนึ่ง หลังจากตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา โควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างมากมาย
แต่เอาเข้าจริง ๆ ตอนนี้ ธุรกิจบริการ โดยเฉพาะโรงแรม-ร้านอาหาร ก็ยังขาดแรงงานอย่างหนัก สะท้อนจากภาพการประกาศรับสมัครพนักงานตามหน้าร้าน ตามเฟซบุ๊ก ตามเว็บไซต์บริษัท ที่มีให้เห็นกันจนเป็นปกติ ผู้ประกอบการในเมืองท่องเที่ยวหลัก ๆ ทั้งภูเก็ต เชียงใหม่ พัทยา รวมถึงกรุงเทพฯ ต้องเอามือก่ายหน้าผาก เพราะแก้ปัญหาไม่ตก
ไม่ต้องอื่นไกล ตอนนี้ร้านสะดวกซื้อหลาย ๆ แห่ง ที่เปิดอยู่ในย่านซีบีดีใจกลางกรุง ต้องยอมควักกระเป๋าจ่ายเงินเพิ่มให้พนักงานอีกมากกว่า 1-1.5 เท่าตัว เพื่อจูงใจ
เหตุผลเพราะค่าครองชีพที่สูงลิบลิ่ว แรงงาน พนักงานหลายคนนั่งคิดบวกลบคูณหารแล้วไม่ไหว ไหนจะค่าเดินทาง ค่าข้าว ค่าน้ำ ค่ากินอยู่ในแต่ละมื้อ นี่ยังไม่รวมค่าเช่าบ้านเช่าที่พัก ค่าน้ำค่าไฟจิปาถะ ยิ่งหากมีครอบครัว มีลูกเต้าเพิ่มมาอีก ลำพังค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำวันละ 353-354 บาท เอาไม่อยู่แน่นอน
ต้องยอมรับความจริงอย่างหนึ่งว่า ตอนนี้แรงงานถือเป็นหัวใจสำคัญอย่างหนึ่งในการฟื้นฟูธุรกิจและเศรษฐกิจในช่วงจากนี้ไป นี่คือปัญหาใหญ่ที่ต้องเร่งแก้ไข
ถึงเวลาแล้วที่จะต้องแก้กฎหมายแรงงาน หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อเปิดทางให้หลาย ๆ ธุรกิจสามารถใช้แรงงานต่างด้าวได้
หากยังไม่เริ่มลงมือทำในวันนี้ วันข้างหน้าก็อาจจะสายเกินไป และฟันธงได้เลยว่า ปัญหาขาดแรงงานของหลาย ๆ ธุรกิจจะทวีความรุนแรงมากขึ้น
หากเป็นเช่นนั้น ความหวังในการฟื้นเศรษฐกิจอาจจะค่อย ๆ ริบหรี่ลง