
คอลัมน์ : ชั้น 5 ประชาชาติ ผู้เขียน : รุ่งนภา พิมมะศรี
“รัฐสวัสดิการ” อยู่ในบทสนทนาของคนไทยมากขึ้น หลังจากพรรคก้าวไกล ชนะการเลือกตั้ง
แม้ว่าคนจำนวนมากยินดีถ้าประเทศไทยจะมีรัฐสวัสดิการดี ๆ แต่คนไม่น้อยเช่นกันที่ตั้งคำถามว่า จะเอาเงินจากไหนมาทำ จะเก็บภาษีมากขึ้นแค่ไหน ? ซึ่งคนที่จะตอบคำถามเหล่านี้ได้ดีที่สุดก็คือพรรคก้าวไกลเอง
อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนอยากขอชวนมาคลี่ดูตัวอย่างการเก็บภาษีของประเทศที่มีรัฐสวัสดิการว่าเขามีรูปแบบการเก็บภาษีอย่างไรกันบ้าง อ้างอิงเนื้อหาในหนังสือ “รัฐสวัสดิการกับสังคมประชาธิปไตย” เขียนโดย อเล็กซานเดอร์ เพทริง และคณะ
รัฐสวัสดิการในโลกนี้แบ่งได้ 3 แบบ คือ รัฐสวัสดิการแบบแองโกลแซกซอน (อย่างสหรัฐอเมริกา) รัฐสวัสดิการแบบยุโรปภาคพื้นทวีป และรัฐสวัสดิการแบบสแกนดิเนเวีย ซึ่งระบบภาษีของทั้งสามแบบนี้ต่างกัน และนำไปสู่ผลกระทบด้านการกระจายจัดสรรความมั่งคั่งที่ต่างกันด้วย
รัฐภาษีแบบแองโกลแซกซอน อย่างสหรัฐอเมริกา มีภาระภาษีโดยรวมค่อนข้างต่ำ รายรับของรัฐส่วนใหญ่มาจากการเก็บภาษีทางตรง ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดามีอัตราที่ก้าวหน้าน้อย ส่วนภาษีทางอ้อมและเงินสมทบเพื่อสังคมก็อยู่ในระดับต่ำ
รัฐภาษีแบบยุโรปภาคพื้นทวีป อย่างเยอรมนี ภาระภาษีโดยรวมอยู่ในระดับกลางค่อนไปทางสูง โดยสัดส่วนของภาษีทางตรงในรายรับภาครัฐค่อนข้างต่ำ ขณะที่สัดส่วนของเงินสมทบเพื่อสังคมหรือเงินสมทบประกันสังคมสูง ซึ่งสามารถส่งผลกระทบเชิงลบต่อตลาดแรงงานได้
รัฐภาษีแบบสแกนดิเนเวีย อย่างเดนมาร์ก ภาระภาษีทั้งหมดอยู่ในระดับสูง และเนื่องจากระบบภาษีคือแหล่งเงินสนับสนุนสิทธิประโยชน์ทางสังคมส่วนใหญ่แทบทั้งหมด ระดับเงินสมทบเพื่อความมั่นคงทางสังคมจึงต่ำ
ส่วนความแตกต่างของผลกระทบด้านการกระจายจัดสรรความมั่งคั่งของรูปแบบรัฐสวัสดิการ-รูปแบบระบบภาษีทั้งสามนั้น รัฐสวัสดิการแบบแองโกลแซกซอนซึ่งรายรับของรัฐมาจากภาษีทางตรงเป็นหลัก สัดส่วนของภาษีอยู่ในระดับต่ำ ดังนั้น รัฐจึงมีทรัพยากรสำหรับดำเนินนโยบายทางสังคมอย่างจำกัดมาก จึงคาดการณ์ได้ว่ารัฐภาษีแบบแองโกลแซกซอนมีลักษณะการจัดสรรกระจายที่ค่อนข้างเหลื่อมล้ำ ในเชิงเปรียบเทียบ
ขณะที่ผลกระทบด้านการกระจายจัดสรรในรัฐสวัสดิการสแกนดิเนเวีย ซึ่งรายรับของรัฐพึ่งพาภาษีทางตรงเป็นหลัก โดยมีลักษณะก้าวหน้าสูง และมุ่งให้เกิดผลด้านการจัดสรรกระจายความมั่งคั่งกลับสู่สังคม จึงคาดการณ์ว่ารัฐสวัสดิการรูปแบบนี้จะมีระดับความเท่าเทียมทางรายได้ที่สูง
ส่วนรัฐสวัสดิการยุโรปภาคพื้นทวีป อย่างเยอรนี ซึ่งพึ่งพาภาษีทั้งทางตรงและทางอ้อมเท่า ๆ กัน ภาษีเงินได้มีอัตราที่ก้าวหน้า ภาษีทางอ้อมมีอัตราที่ถดถอย ภาษีจากความมั่งคั่งอยู่ในระดับต่ำ และภาระภาษีฝั่งทุนค่อนข้างเบาเมื่อเทียบกับฝั่งแรงงาน สัดส่วนของภาษีโดยรวมทั้งหมดอยู่ในระดับกลางค่อนไปทางสูง คาดการณ์ว่าความเหลื่อมล้ำน่าจะอยู่ในระดับกลางค่อนไปทางสูง
สรุปก็คือ รัฐสวัสดิการแบบสแกนดิเนเวียเป็นรูปแบบที่มีความเท่าเทียมมากที่สุด หรือกล่าวอีกด้านคือ มีความเหลื่อมล้ำน้อยที่สุด