ไทยเป็นกลางกรณีโจมตีอิสราเอล

ฉนวนกาซาหลังการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล วันที่ 10 ตุลาคม 2023
ฉนวนกาซาหลังการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล วันที่ 10 ตุลาคม 2023 (ภาพโดย MOHAMMED ABED / AFP
คอลัมน์ : บทบรรณาธิการ

หลังจากเกิดเหตุการณ์กลุ่มฮามาสในดินแดนปาเลสไตน์ ส่งอากาศยานต่อสู้ไร้คนขับและจรวดจากฉนวนกาซาประมาณ 5,000 ลูกเข้าโจมตีประเทศอิสราเอลในวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา เบื้องต้นปรากฏพลเรือนอิสราเอลเสียชีวิตอย่างน้อย 700 คน บาดเจ็บอีกกว่า 2,150 คน และยังมีผู้ถูกจับไปเป็นตัวประกันอย่างน้อย 100 คน

ขณะที่ฝั่งฮามาสเองมีรายงานข่าวอย่างไม่เป็นทางการออกมาว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 500 คนมีคนไทยเสียชีวิตล่าสุดจำนวน 18 คน บาดเจ็บ 9 คน และถูกจับไปเป็นตัวประกันอีก 11 คน

หลังเกิดเหตุการณ์โจมตีในวันที่ 7 ต.ค. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ผมขอประณามการโจมตีอิสราเอล การโจมตีที่ไร้มนุษยธรรมที่ทำให้ผู้บริสุทธิ์ต้องสูญเสียชีวิตและบาดเจ็บ และขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อรัฐบาลและประชาชนอิสราเอล เหตุการณ์นี้ไม่สมควรเกิดขึ้น และผมขอร่วมกับประชาคมโลกประณามการกระทำดังกล่าว

ต่อจากนั้นไม่นาน นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ก็ได้โพสต์ข้อความว่า ประเทศไทยวางตัวเป็นกลางต่อปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น โดยสนับสนุนแนวทาง 2 รัฐ (two-state solution) ที่อยู่เคียงคู่กัน โดยขอให้ทั้ง 2 ฝ่ายเจรจาเพื่อหาแนวทางแก้ไขและหาทางออกร่วมกันอย่างยั่งยืนและสันติ ทั้งนี้ประเทศไทยขอประณามความรุนแรงที่เกิดขึ้นในสถานการณ์นี้ด้วย

การโพสต์ข้อความของนายจักรพงษ์ ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ถือเป็นท่าทีของประเทศไทยที่แสดงให้ประชาคมโลกเห็นใน 2 ประเด็นคือ ประเทศไทยวางตัวเป็นกลางและสนับสนุนแนวทาง 2 รัฐ กับประเทศไทยประณามการใช้ความรุนแรงที่เกิดขึ้น

โดยท่าทีดังกล่าวขึ้นอยู่บนพื้นฐานที่ว่า ประเทศไทยมีความสัมพันธ์ทางการทูตกับรัฐอิสราเอล ขณะเดียวกันก็มีการติดต่อกับหน่วยงานของรัฐปาเลสไตน์ในไทยที่กัวลาลัมเปอร์

จากข้อเท็จจริงที่ว่า มีคนไทยเข้าไปใช้แรงงานอยู่ในอิสราเอลถึง 30,000 คน ในจำนวนนี้อยู่ในพื้นที่เสี่ยงที่ยังถูกโจมตีอย่างต่อเนื่องถึง 5,000 คน และมีแรงงานไทยร้องขอกลับประเทศแล้วอีก 2,990 คน และนี่คือโจทย์ใหญ่เฉพาะหน้าของรัฐบาลไทยที่จะต้องให้ความสำคัญสูงสุด

ด้านหนึ่งรัฐบาลไทยได้ขอให้อิสราเอลทำทุกวิถีทางที่จะปกป้องคนไทยให้ปลอดภัย และเร่งให้การช่วยเหลือคนไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกันออกมาให้เร็วที่สุด

อีกด้านหนึ่ง กระทรวงการต่างประเทศได้สั่งการให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ประสานงานกับสำนักงานปาเลสไตน์ในมาเลเซีย เพื่อแสดงความห่วงกังวลกับสถานการณ์ และให้ประสานในการปล่อยตัวคนไทยที่ถูกจับไปเป็นตัวประกันด้วย