คอลัมน์ ชั้น 5 ประชาชาติ
ณัฏฐ์พิชญ์ วงษ์สง่า [email protected]
ยอมรับว่านาทีนี้เริ่มใจคอไม่ดีแทนกลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทย เพราะถึงวันนี้ภาพรวมเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยยังไร้ซึ่งสัญญาณบวก และที่หนักคือ ดูเหมือนว่าจะมีแต่ “ปัจจับลบ” และต้องพึ่งพาตัวเอง เพราะ
1.ถึงเวลาที่ผู้ประกอบการต้องรับผิดชอบลูกจ้างเองแล้ว เพราะหมดเวลา 3 เดือนที่ประกันสังคมจ่ายชดเชยค่าแรงงาน 62% ให้ลูกจ้างแล้ว
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
2.แม้รัฐจะออกซอฟต์โลนมาอุ้มครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ในสภาพความเป็นจริงผู้ประกอบการท่องเที่ยวเข้าถึงซอฟต์โลนเพียงแค่ราว 10% เท่านั้น และ 3.เกือบ 100% ของผู้ประกอบการ “เงินทุนสำรอง” และ “กระแสเงินสด” หมดตั้งแต่ 3 เดือนแรกที่เกิดโควิดแล้ว
ตอนนี้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่มี “ชีวิต” แต่แทบไม่เหลือ “ความหวัง” แล้ว ที่สำคัญ ไวรัสโควิดนั้นลากยาวกว่าที่ทุกฝ่ายคาดการณ์ไว้ และยังยากที่จะประเมินถึงจุดจบ ยิ่งรัฐบาลยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเปิด “น่านฟ้า” ให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เข้ามาได้เมื่อไหร่ “ความหวัง” ของผู้ประกอบการยิ่งมืดมิด
เพราะอะไร? คำตอบคือ ผู้ประกอบการทุกเซ็กเตอร์ลงทุนรองรับนักท่องเที่ยว “ต่างชาติ” เป็นหลัก โดยคำนวณจากแนวโน้มของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นทุก ๆ ปี ปีละ 8% บ้าง 10% บ้าง
เมื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติหายไปทั้งหมด หรือมากกว่า 70% ของภาพรวม นั่นหมายความว่า “ซัพพลาย” ในทุกเซ็กเตอร์เหลือมหาศาล ซึ่งในช่วงก่อนที่ไวรัสโควิดจะมาเยือน “ซัพพลาย” ในเมืองท่องเที่ยวหลักก็ล้นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
การหันมากระตุ้นให้คนไทยเที่ยวภายในประเทศนั้นต่อให้จัดหนักแค่ไหน ก็ต้องยอมรับว่าชดเชยไม่ได้ ช่วยได้ก็เพียงแค่ “ประคอง” เท่านั้น
ผู้คร่ำหวอดในธุรกิจท่องเที่ยวรายหนึ่งบอกกับผู้เขียนว่า มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศทั้ง 2 โครงการในขณะนี้ดูเหมือนจะดี แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ช่วยได้เพียงแค่บางเซ็กเตอร์เท่านั้น
โดยกลุ่มที่ได้รับอานิสงส์หลัก ๆ จากทั้ง 2 โครงการคือ โรงแรม, รถนำเที่ยว, ร้านอาหาร เท่านั้น
ส่วนบริษัททัวร์แทบจะไม่ได้รับอานิสงส์เลย แม้ว่าโครงการ “กำลังใจ” จะระบุว่าให้เดินทางท่องเที่ยวผ่านบริษัททัวร์ แต่ด้วยงบประมาณที่จำกัดทำให้ผู้ประกอบการจำนวนมากถอดใจ
แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย ?
จากที่คุยกับ “ชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร” ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พบว่าจากนี้ไปจะเห็นธุรกิจทยอยปิดตัวลงเรื่อย ๆ เพราะขาดสภาพคล่อง ทั้งโรงแรม ร้านอาหาร แหล่งท่องเที่ยว บริษัททัวร์ ฯลฯ
และไม่มีทางที่รายได้จากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยในปีนี้จะมีมูลค่าถึง 1 ล้านล้านบาท จากที่เคยทำรายได้ถึง 3 ล้านล้านบาทในปีที่ผ่านมา
และปัญหาที่จะตามมาคือ แรงงานในภาคท่องเที่ยวจะต้องตกงานอีกมหาศาล ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูงอยู่แล้วก็จะยิ่งดีดตัวสูงขึ้นไปอีก
ปรากฏการณ์ที่ผู้ประกอบการทยอยปิดตัวถาวร แรงงานตกงานเพิ่มเรื่อย ๆ นี้ จะเป็นคำตอบที่ชัดเจนว่าท่องเที่ยวไทย 3 ล้านล้านบาท กำลังจะถึงจุดจบ และ “ล้มละลาย” อย่างแท้จริง