บทบรรณาธิการ
สาธารณชนแปลกใจและงุนงงไม่น้อย ที่จู่ ๆ ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธาน พิจารณาเห็นชอบในหลักการโครงการสะพานไทย มูลค่าลงทุน 9.9 แสนล้านบาท เชื่อมเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) กับระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (SEC)
เป็นอีกเมกะโปรเจ็กต์ที่รัฐบาลจะผลักดัน พร้อม ๆ โครงการท่าเรือบก (Dryport) ที่จะร่วมดำเนินการกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างลาว กัมพูชา เมียนมา เวียดนาม และจีน และโครงการเชื่อมอ่าวไทยและอันดามัน หรือท่าเรือชุมพร ท่าเรือระนอง Land Bridge ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาออกแบบ
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
แม้ชื่อจะคล้ายกับโครงการคลองไทย (Thai Canal) กลายพันธุ์มาจาก “ขอคอดกระ” ที่รัฐบาลหลายยุคสมัยเคยสำรวจศึกษา ถูกเปลี่ยนชื่อ ปรับแนวเส้นทาง ล่าสุดใช้แนว 9A จาก อ.สิเกา จ.ตรัง ถึงอ่าวไทยที่ อ.ระโนด จ.สงขลา ต้องใช้งบฯลงทุนมหาศาล 2.29 ล้านล้านบาท แต่เป็นคนละโครงการ คนละพื้นที่
“สะพานไทย” มีที่มาจากไหนยังไม่มีคำอธิบายชัด แต่ถูกบรรจุเข้าพิจารณาในที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) ก่อนส่งต่อเข้าที่ประชุม กพอ. เมื่อ 5 ต.ค. 2563 โดยชี้แจงแบบสรุปรวบรัดว่า เป็นโครงการที่จะเชื่อมโยงท่าเรือแหลมฉบังกับนานาชาติ รวมทั้งเชื่อม EEC กับ SEC ทางภาคใต้ตอนบน
รูปแบบโครงการจะก่อสร้างทางรถยนต์ขนาดความกว้าง 4 ช่องจราจร และไหล่ทาง เชื่อมฝั่งตะวันตกกับฝั่งตะวันออกของอ่าวไทยตอนบน ระหว่าง จ.ชลบุรี กับ จ.เพชรบุรี ระยะทาง 80-100 กิโลเมตร โดยจะก่อสร้างสะพาน ก่อนลงสู่อุโมงค์ลอดใต้ทะเล 20-30 กิโลเมตร และโผล่ขึ้นเหนือระดับน้ำทะเลบนเกาะเทียม 2 เกาะ ทั้งในฝั่ง จ.ชลบุรี และฝั่ง จ.เพชรบุรี
จากนี้ไปจะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาจ้างที่ปรึกษา ใช้เวลาศึกษา 1 ปี เตรียมการ 5 ปี และก่อสร้าง 7 ปี เมื่อแล้วเสร็จจะช่วยร่นระยะทางไม่ต้องอ้อมอ่าวไทย 400 กิโลเมตร ลดระยะเวลาเดินทาง 2-3 ชั่วโมง
แม้ยังอีกยาวไกลกว่าจะรู้ว่า “สะพานไทย” จะเกิดได้เป็นรูปธรรมหรือไม่ แต่ถ้าช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว ลดต้นทุนขนส่งสินค้าจากท่าเรือแหลมฉบังไปภาคใต้ ส่งผลด้านบวกต่อเศรษฐกิจได้จริง ทุกภาคส่วนก็ควรสนับสนุน
อย่างไรก็ตาม การลงทุนอภิมหาโปรเจ็กต์มูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทุกขั้นตอนต้องเปิดเผยโปร่งใส จะได้ไม่ถูกตั้งคำถาม ข้อสงสัย ว่าแผนลงทุนเกือบ 1 ล้านล้านบาทเหมาะสม คุ้มค่า มากน้อยเพียงใด