พรรคทหารใหม่

คอลัมน์ สามัญสำนึก

โดย อิศรินทร์ หนูเมือง

3 ปีที่คณะนายทหารจาก คสช.เข้าเสวยอำนาจในคณะรัฐมนตรี นับเป็นการ “เกิดใหม่” อีกครั้งของพรรคทหาร ที่เคยสิ้นลมสุดท้ายไปใน “พรรคเพื่อแผ่นดิน” เมื่อ 1 ทศวรรษก่อน

“พรรคทหาร” ที่อ้างกันว่า พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตหัวหน้าคณะปฏิวัติยุค คมช.ให้การสนับสนุนใน “ทางลับ”

แต่แล้วพรรคที่อ้างอาณัติสวรรค์-ผลักดัน ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย ขึ้นเป็น “หัว” ในฐานะประธานสภานโยบายและยุทธศาสตร์พรรค ก็ถึงกาลแตกดับ ในสมัยเลือกตั้ง 2554-หลังยุคปฏิวัติ 2549

ตายตามพรรคเสรีมนังคศิลา ของจอมพล ป.พิบูลสงคราม ที่หวังสืบทอดอำนาจ-ผ่านการเลือกตั้งที่สกปรกที่สุดใน 6 ทศวรรษก่อน และจบชีวิตรัฐบาลด้วยการรัฐประหาร หลังเสวยอำนาจในรัฐบาลได้เพียง 7 เดือน

ก่อนหน้านี้ 25 ปี พรรคร่างทรงทหารอย่าง “สามัคคีธรรม” ก็ถึงแก่อสัญกรรรม เมื่อรวบมือชู-เชิดให้ พล.อ.สุจินดา คราประยูร หัวหน้าคณะปฏิวัติ ยุค รสช.ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี

เป็นตราบาป-ราชดำเนินเปื้อนเลือด ในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ

ประวัติศาสตร์เมื่อ 5 ทศวรรษก่อน บันทึกการล่มสลายพรรคทหารของ “จอมพลถนอม กิตติขจร” ในนามพรรคสหประชาไทย ได้นำพาประเทศไปสู่ “วันมหาวิปโยค” มีแนวต้านร่วม 5 แสนคน และต้องพ้นจากน่านฟ้าประเทศไทยในชุดนอนทั้งครอบครัว

มีแต่โมเดลทหารเป็นพรรค (พวก) แต่ไม่ใช่พรรคทหาร และไม่ได้มีตำนานจากปฏิวัติ ทำให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนานที่สุดในประวัติศาสตร์ ถึง 8 ปี ด้วยวิชา “การเมืองนำการทหาร”

พิเคราะห์จากเหตุแห่ง “จุดตาย” ของพรรคทหาร ที่อ้างราชโองการแห่งแผ่นดิน ที่มี “จุดจบ” ในระยะเวลาอันสั้น

ผนวกกับประวัติศาสตร์การเมือง-ประสบการณ์ทางตรง ส่งผลให้ “พล.อ.ประยุทธ์” พลิกยุทธวิธี อยู่กับอำนาจใหม่

ตั้งคำถามใหญ่ ค้นคำตอบอนาคต หลังละครรัฐประหารกำลังจะรูดม่านปิดฉากลง

คำถาม 4+6 ของ “พล.อ.ประยุทธ์” จึงไม่เพียงเค้นเอาคำตอบ เพื่อตัดสินอนาคตตน หากทว่าอาจต้องจำนนกับคำตอบ ที่รออยู่เบื้องหน้า

บางคราการอยู่-การไป ของ “พล.อ.ประยุทธ์” อาจไม่ใช่ผลจากคำตอบเพียง 10 ข้อ แต่อาจมีเพียง 1 คำตอบ ที่เขาต้องเลือกและไม่อาจปฏิเสธ

เป็นคำตอบที่คำนึงถึง “ผลข้างเคียงที่มองไม่เห็น” และจะพลิกชะตาคน-พล.อ.ประยุทธ์ อีกครั้ง

เพราะศึกษาบทเรียนจากอดีต จึงหวั่นไหวกับอนาคต

คำว่า “พรรคทหาร” ที่ผ่านการ “นอมินี” การสืบทอดอำนาจ-หลังยึดอำนาจ จึงไม่ใช่ทางเลือกใหม่

เค้าโครงดุลอำนาจใหม่-คำตอบในใจ “พล.อ.ประยุทธ์” จึงจับจุดแข็งของ “เปรมโมเดล” ดัดแปลงให้เข้ากับยุคสมัย

เพราะเวลานี้ “พรรค คสช.” อยู่ใจกลางวงล้อม รับกลศึกรอบทิศจากแนวรุกพรรคการเมือง และพันธมิตรทักษิณ

เมื่อ 2 พรรคใหญ่ กับอีก 2 พรรคย่อย มีแนวโน้มเป็นแนวร่วม-แยกกันตีมุ่งแสกกลาง “พรรคทหารใหม่” ให้พ้นวงโคจรอำนาจ

เหล่ากุนซือ-ขุนนางและขุนพล รอบตัว “พล.อ.ประยุทธ์” จึงคิดการณ์ไกล มองหาโมเดล “พรรคทหารใหม่” ที่ไม่ซ้ำรอยประวัติศาสตร์ความล้มเหลวในอดีต

พรรคทหารยุคอนาคต จึงต้องครบเครื่อง ทั้งทีมนายทุน ขุนศึก ผนึกแนบแน่นกับเครือข่ายอำมาตย์ใหม่ ที่มีความคิดทันสมัย

เหล่าคนรุ่นใหม่ที่เป็นลูกพ่อค้า-นามสกุลใหญ่ จึงเป็นธรรมดาที่ต้องถูกนัดเจรจา-จัดหามาเก็บไว้เป็น “กำลังพลสำรอง”

บุคคลเบื้องหลัง ที่ยังงำประกาย เดินสายสนทนากันขวักไขว่ในห้องอาหารดัง โรงแรมหรู

คนวงในศูนย์อำนาจ-มากคอนเน็กชั่น อย่าง “ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” ปรากฏตัวตามธรรมชาติ

พรรคทหารใหม่-การใหญ่ ดวงชะตาคนไม่อาจแก้ไข และละครโรงใหญ่ใกล้รูดม่านเปิดการแสดงอีกรอบ

ตอนอวสาน แผ่นดินเป็นสุข หรือจะเป็นศึก…อีกครา