“ผู้สื่อข่าวประชาติธุรกิจ” รายงานว่า “บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด” จัดงาน “6 ปี สร้างพลังเรียนรู้สู่อนาคต” เพื่อส่งมอบนวัตกรรมและความสำเร็จจาก “โครงการ Samsung Smart Learning Center ซัมซุง สร้างพลังการเรียนรู้สู่อนาคต” แก่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งโครงการได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2556 จนถึงปัจจุบัน
โดยได้พัฒนากระบวนการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 และใช้เทคโนโลยีของซัมซุง มาขับเคลื่อนกระบวนการเรียนรู้ของเด็กไทยให้มีทักษะของศตวรรษใหม่ พัฒนาต้นแบบ “ห้องเรียนแห่งอนาคต” ในโรงเรียน 50 แห่ง ทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2562
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
“นางวรรณา สวัสดิกูล” รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มการตลาด บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า ซัมซุงมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการด้านความรับผิดชอบต่อสังคม โดยยึดแนวคิดด้านศักยภาพคน และการพัฒนาสู่ชีวิตที่ดีร่วมกัน (People and Co-prosperity) จึงเป็นที่มาของการพัฒนาโครงการ Samsung Smart Learning Center ซัมซุง สร้างพลังการเรียนรู้สู่อนาคต
“มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการพัฒนาทักษะศตวรรษที่ 21 ให้กับเด็กและเยาวชน ผ่านแนวคิดห้องเรียนแห่งอนาคต โดยเริ่มพัฒนาต้นแบบร่วมกับโรงเรียนภาคีนำร่อง 10 แห่ง เมื่อปี 2556 จนถึงวันนี้มีจำนวนโรงเรียนภาคีรวม 50 แห่ง กระจายอยู่ทุกภาคทั่วประเทศ และมีครูที่ผ่านการอบรมจากโครงการกว่า 4,000 พันคน และเด็กที่ผ่านประสบการณ์ห้องเรียนแห่งอนาคตกว่าแสนคน”
“ทั้งนั้น ในห้องเรียนแห่งอนาคต ซัมซุงได้นำเทคโนโลยี มาสนับสนุนการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning เพิ่มความสามารถและเสริมศักยภาพผู้เรียนให้พัฒนาทักษะศตวรรษที่ 21 และภายในเวลา 6 ปี แนวคิดห้องเรียนแห่งอนาคต ได้รับการนำไปประยุกต์ใช้ในโรงเรียนที่มีบริบทแตกต่าง หลากหลาย ตั้งแต่โรงเรียนขนาดใหญ่พิเศษ โรงเรียนประจำอำเภอ โรงเรียนประถมขยายโอกาส โรงเรียนในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือแม้แต่ โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม อย่างได้ผล”
“และในวันนี้ซัมซุงร่วมกับคณะผู้บริหารและคณะครูจากโรงเรียนภาคีร่วมโครงการทั้งหมด มีความยินดีที่จะส่งมอบกระบวนการจัดการและข้อเรียนรู้ที่ได้จากการพัฒนาต้นแบบห้องเรียนแห่งอนาคต ที่เกิดขึ้นในตลอดระยะเวลา 6 ปี เพื่อแบ่งปันสู่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และผู้มีส่วนกำหนดนโยบายด้านการศึกษา รวมไปถึงผู้ที่สนใจขับเคลื่อนการพัฒนาด้านการศึกษา ที่จะนำไปปรับใช้หรือพัฒนาให้เกิดความก้าวหน้าต่อไป”
ด้าน “นายวาริท จรัณยานนท์” ผู้จัดการโครงการ Samsung Smart Learning Center ซัมซุง สร้างพลังการเรียนรู้สู่อนาคต กล่าวว่า ความสำเร็จในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา คือ ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดกับเด็กๆ ที่เข้าร่วมโครงการ ได้เห็นการพัฒนาทักษะใหม่ๆ จากการที่เขาได้ทำโครงงานร่วมกัน การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศสืบค้นข้อมูล ฝึกตั้งคำถาม หาคำตอบ คิดวิเคราะห์และเรียนรู้ด้วยตัวเอง ก่อนจะสร้างสรรค์ผลงาน การเล่าเรื่องผ่านสื่อดิจิทัล (Digital Storytelling) เพื่อสื่อสารและแบ่งปันการค้นพบ
“นอกจากเด็กแล้ว ที่สำคัญก็คือ “คุณครู” ในโครงการ ซึ่งยอมเปลี่ยนจาก “ครูผู้สอน” มาเป็น “โค้ชผู้อำนวยกระบวนการเรียนรู้” ก็ถือเป็นต้นแบบของความเสียสละและกล้าที่จะเริ่มทดลองทำในสิ่งใหม่ๆ เพราะว่าคุณครูเข้าใจ ว่าโลกกำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ความรักความห่วงใยลูกศิษย์ จึงยินดีจะเป็นผู้เริ่มเปลี่ยนแปลงแนวทางการเรียนการสอนสู่วิธีที่ไม่คุ้นเคย”
“หลังจากที่ครูเปลี่ยนวิธีสอน ก็ได้เห็นผลว่าเด็กเปลี่ยน มีพัฒนาการขึ้นทุกด้าน ทำให้ครูเกิดกำลังใจ และ มุ่งมั่นพัฒนาการจัดการเรียนรู้แบบใหม่นี้ไปในวิธีของตนเอง จนเกิดเป็นต้นแบบห้องเรียนแห่งอนาคตที่มีความหลากหลายไม่ซ้ำกัน พร้อมให้โรงเรียนอื่นๆ ที่มีเงื่อนไขแวดล้อมคล้ายๆ กัน นำไปปรับใช้ได้”
“เราเชื่อมั่นว่า ห้องเรียนแห่งอนาคต นี้จะเป็นสิ่งที่ยั่งยืน เพราะความรู้และประสบการณ์ในการจัดการเรียนรู้แบบใหม่บัดนี้อยู่ในตัวครูทุกคนแล้ว ครูในโครงการไม่เพียงแค่สอนเด็ก แต่ยังถ่ายทอดต่อให้เพื่อนครูคนอื่นๆ จนเกิดเครือข่ายครูแห่งอนาคต ที่น่าชื่นชม”
ขณะที่ “นายอัมพร พินะสา” รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า การจัดระบบการศึกษาแบบเดิมในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา มุ่งเน้นความทั่วถึงแต่เกิดความไม่เท่าเทียมกันจากบริบทและข้อจำกัดต่างๆ
“โครงการ Samsung Smart Learning Center ซัมซุง สร้างพลังการเรียนรู้สู่อนาคต จึงเป็นแนวทางที่ตอบโจทย์ระบบการศึกษาสมัยใหม่ด้วยการนำเทคโนโลยีมาส่งเสริมให้เด็กได้มีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้ เปิดให้โอกาสการใช้ปัญญาแสวงหาวิธีการแก้ไขปัญหา จากห้องเรียนสู่ชุมชนและโลกกว้างในอนาคต”
“สพฐ.พร้อมนำข้อเรียนรู้ที่ได้จากโครงการฯ นี้ ไปดำเนินการต่อในโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล ซึ่งมีอยู่ทั้งสิ้น 7,000 แห่งทั่วประเทศ และขอให้ทางผู้บริหารและคุณครูช่วยกันนำไปขยายผลสร้างความเข้าใจ ไปสู่การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงการเรียนการสอนที่เคยเป็นมาให้เกิดประโยชน์กับนักเรียนมากที่สุด”