Michael Page เผยผลสำรวจ เทรนด์จ้างงานที่น่าจับตามองในไทยปี 64 พบว่าร้อยละ 65 ของบริษัทในไทยยังคงรักษาพนักงานไว้ หรือไม่ก็เพิ่มการว่าจ้าง
ผู้ให้บริการสรรหาบุคคลากร Michael Page Thailand เปิดตัวรายงานประจําปี Talent Trends 2021 ที่น่าจับตามองในตลาดงานไทย แม้ว่ากิจกรรมการจ้างงานจะลดลงร้อยละ 37 ในปี 2563 ระหว่างการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่เริ่มมีสัญญาณบวกในปี 2564 โดยบริษัทในไทยร้อยละ 33 มองหาพนักงานเพิ่มในขณะที่ร้อยละ 32 ยังคงสถานะเดิมไว้
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
ธุรกิจที่จ้างงานเพิ่มสูงที่สุด
“คริสโตเฟอร์ พาลุดัน” (Kristoffer Paludan) ผู้อํานวยการประจําภูมิภาคของ Michael Page ประเทศไทย กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นเช่นเดียวกับตลาดอื่น ๆ ในเอเชียแปซิฟิก ที่ภาคเทคโนโลยียังคงลอยตัวและพลิกฟื้นกลับมาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอีคอมเมิร์ซ และธุรกิจที่พึ่งพาอินเตอร์เน็ตเป็นหลัก ส่วนธุรกิจผลิตอาหารก็ไปได้ดี และมีส่วนช่วยพยุงกิจการด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง อาทิ เคมีภัณฑ์ เกษตรกรรม ตลอดจนเทคโนโลยีการเกษตร
เมื่อคํานึงถึงอุปทานด้านเศรษฐกิจ ภาคธุรกิจที่มีกิจกรรมการจ้างงานสูงที่สุดคือ อุตสาหกรรมการผลิต สินค้าอุปโภคบริโภค เทคโนโลยีและโทรคมนาคม การดูแลสุขภาพและยา ตลอดจนค้าปลีก
ทั้งนี้ รายงานระบุว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังเป็นตัวเร่งกระบวนการแปลงเป็นดิจิทัลในช่วงปีที่ผ่านมา โดยบริษัทในไทยได้ปรับตัวเพื่อตอบสนองความต้องการปรับเปลี่ยนมาสู่รูปแบบดิจิทัลได้ในระยะเวลาอันสั้น เทคโนโลยีอย่างระบบเสมือนจริงและคลาวด์ ช่วยให้ธุรกิจหลายต่อหลายแห่งทํางานได้คล้ายภาวะปกติที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
นอกจากนั้น รายงานระบุว่าร้อยละ 67 ของผู้ที่ทํางานด้านเทคโนโลยีในไทย กําลังมองหาโอกาสใหม่ ๆ ในปี 2564 ในขณะที่อีกร้อยละ 31 แม้ไม่ได้กําลังมองหา แต่ทว่าไม่ปิดกั้นหากมีข้อเสนอที่ดีเข้ามา
อิทธิพลต่อการมองหางานใหม่
เมื่อพิจารณาถึงการแข่งขันในการสรรหาพนักงานด้านเทคโนโลยีที่มีศักยภาพสูง “คริสโตเฟอร์” มีความเห็นว่า การโยกย้ายในสายงานมีเหตุผลหลักมาจากธรรมชาติของธุรกิจ ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เพราะต้องปรับตัวเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป
ส่วนสาเหตุที่ทำให้พนักงานต้องการออกจากงานโดยสมัครใจในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ในปี 2564 มีเหตุผลหลัก ๆ คือ ขาดโอกาสในการเติบโต, ค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์ที่อื่นดีกว่า, ทักษะถูกใช้น้อย, ขาดความโปร่งใสในการสื่อสารของผู้นำ และความไม่มั่นคงของบริษัท
อย่างไรก็ตาม พนักงานชาวไทยยังคงใช้ข้อมูลที่มีอยู่มากเป็นหลักในพิจารณางานใหม่ โดยร้อยละ 40 ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่า พวกเขาศึกษาข้อมูลของบริษัทโดยละเอียดก่อนที่จะสมัครงานกับบริษัทนั้น
ในขณะที่การรับรู้ของผู้ที่อยู่ในตลาดแรงงานต่อองค์กร (employer brand) ก็มีอิทธิพลต่อการมองหางานใหม่ แตกต่างกันไปตามแต่ละเจนเนอร์เรชั่น ดังนี้
- Baby Boomer (ผู้ที่เกิดก่อนปี 2509) ให้ความสำคัญกับ 1. พันธกิจและคุณค่าขององค์กรที่ไปในทิศทางเดียวกับตนเอง 2. วัฒนธรรมการทำงานที่ดี 3. แบรนด์องค์กรที่แข็งแกร่งและเป็นที่จดจำ
- Gen X (ผู้ที่เกิดระหว่างปี 2509 และ 2522) ให้ความสำคัญกับ 1. โอกาสในการเติบโตในสายอาชีพที่เป็นไปได้, พันธกิจและคุณค่าขององค์กรที่ไปในทิศทางเดียวกับตนเอง 3. มีผลการดำเนินงานทางการเงินที่แข็งแกร่ง
- Gen Y (ผู้ที่เกิดระหว่างปี 2525 และ 2537) ให้ความสำคัญกับ 1. โอกาสในการเติบโตในสายอาชีพที่เป็นไปได้ 2. วัฒนธรรมการทำงานที่ดี 3. พันธกิจและคุณค่าขององค์กรที่ไปในทิศทางเดียวกับตนเอง
ค่าตอบแทนปี 64
ค่าตอบแทนเฉลี่ยเพิ่มขึ้นสำหรับการจ้างงานใหม่ในปี 2564 เป็นดังนี้
เทคโนโลยี 20%, อุตสาหกรรมและการผลิต 18%, การดูแลสุขภาพและวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต, บริการด้านการธนาคารและการเงิน, บริการระดับมืออาชีพ, และการขนส่งและการจัดจำหน่าย 15%, อสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้าง 14%, ค้าปลีก 13%, อีคอมเมิร์ซ/อินเทอร์เน็ต 12%, และทรัพยากรธรรมชาติและพลังงาน 9%
ทั้งนี้ มีผู้หางานที่ไม่คาดหวังเงินเดือนเพิ่มจากการหางานใหม่อยู่ที่ 6%
“คริสโตเฟอร์” กล่าวด้วยว่า เพื่อเพิ่มพูนทักษะให้กับพนักงานและรองรับการกลับมาฟื้นตัวของธุรกิจในปี 2564 ส่งผลให้ร้อยละ 42 ของบริษัทในไทยยังคงลงทุนอย่างต่อเนื่องในการฝึกอบรมด้านต่าง ๆ ในขณะที่บริษัทร้อยละ 46 หันไปใช้ระบบอัตโนมัติในกระบวนการขั้นพื้นฐาน