“ชไนเดอร์ อิเล็คทริค” ดันแผนเชิงรุก-ก้าวสู่ความยั่งยืน

แม้ว่าปี 2563 เป็นปีที่ยากลำบากในการดำเนินธุรกิจของเกือบทุกบริษัท เนื่องจากวิกฤตการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่เกิดขึ้นทั่วโลก แต่สำหรับ “ชไนเดอร์ อิเล็คทริค” (Schneider Electric) บริษัทด้านพลังงานและออโตเมชั่นระดับโลก ได้นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาช่วยในการบริหาร เพื่อดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้วันนี้มีผลการดำเนินงานในระดับที่ยอดเยี่ยม

ทั้งปีนี้ “ชไนเดอร์ อิเล็คทริค” ยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นเบอร์ 1 ของโลก ในการเป็นบริษัทที่ยั่งยืนที่สุดประจำปี 2564 (2021 Global 100 Most Sustainable Corporations) จัดทำโดย Corporate Knights บริษัทด้านวิจัยของแคนาดา ที่จัดอันดับองค์กรโดยพิจารณาผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืน และนับเป็นการก้าวกระโดดครั้งใหญ่จากอันดับที่ 29 ในปี 2563 มาสู่อันดับหนึ่งในเวลาเพียงหนึ่งปี

นับเป็นบทพิสูจน์ ในเรื่องของความมุ่งมั่นที่มีมายาวนานในการรับมือกับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาล (ESG) เป็นอย่างดี

ฝ่าวิกฤตไปพร้อมลูกค้า

“สเตฟาน นูสส์” ประธานกลุ่มคลัสเตอร์ ดูแลประเทศไทย สปป.ลาว และเมียนมา คนใหม่ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ที่แต่งตั้งอย่างเป็นทางการเมื่อตุลาคม 2563 กล่าวว่า กลุ่มธุรกิจของชไนเดอร์ อิเล็คทริค แบ่งออกเป็น 2 ด้าน ได้แก่ การจัดการพลังงาน (energy management) และระบบออโตเมชั่นสำหรับอุตสาหกรรม (industry automation)

สเตฟาน นูสส์
สเตฟาน นูสส์ ประธานกลุ่มคลัสเตอร์ ดูแลประเทศไทย สปป.ลาว และเมียนมา

โดยให้บริการลูกค้าใน 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ บ้าน, อาคาร, ดาต้าเซ็นเตอร์ อุตสาหกรรม และระบบโครงสร้างพื้นฐาน โดยบริษัทเน้นใช้โซลูชั่น และสถาปัตยกรรมแบบเปิด (EcoStruxure) ที่รองรับการใช้งาน IoT (internet of things อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง) อย่างเต็มรูปแบบ

“เป้าหมายของชไนเดอร์ อิเล็คทริค คือ การช่วยให้ทุกคนใช้พลังงาน และทรัพยากรเกิดประโยชน์สูงสุด เชื่อมโยงความก้าวหน้า และความยั่งยืน โดยแนวทางนี้เรียกว่า Life Is On ที่ผสานรวมเทคโนโลยีชั้นนำด้านพลังงาน และกระบวนการจัดการเข้ากับผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่จุดเชื่อมต่อปลายทาง ไปยังคลาวด์ระบบควบคุม และซอฟต์แวร์”

“ที่ผ่านมาเราได้รับความไว้วางใจจากบริษัทชั้นนำรายใหญ่ในหลากหลายธุรกิจในการใช้โซลูชั่นด้านดิจิทัล เช่น อีสท์วอเตอร์ กรุ๊ป ที่มีเป้าหมายก้าวสู่การเป็น smart water, ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ต้องการวางกลยุทธ์ด้านดิจิทัล เพื่อยกระดับการให้บริการแก่ลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรม และเด็กซ์ตร้า แมนนูแฟคเจอริ่ง ที่ต้องการพัฒนาการผลิตเครื่องจักรรายใหญ่”

“ปี 2563 ผ่านมา ทั่วโลกประสบกับภาวะวิกฤตจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบกับธุรกิจของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ทำให้รายได้ทั่วโลกติดลบไป 4.7% แต่ถือเป็นตัวเลขที่ดีกว่าตลาดโลก เพราะติดลบกันอยู่ที่ 10% โดยชไนเดอร์ อิเล็คทริคสามารถทำได้ดีกว่าตลาด และมีผลประกอบการทั่วโลกอยู่ที่ 25 พันล้านยูโร นอกจากนี้ ธุรกิจด้านอีคอมเมิร์ซของชไนเดอร์ อิเล็คทริค มีการขยายเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าด้วย เราจึงมั่นใจว่าปี 2564 น่าจะทำได้ดีกว่าตลาดอีกแน่นอน”

“ปีที่แล้วเราร่วมฟันฝ่าวิกฤตไปพร้อม ๆ กับลูกค้า ทั้งยังเป็นปีที่น่าจดจำที่สุด เพราะสามารถทำภารกิจได้อย่างต่อเนื่องและมีผลงานที่โดดเด่น ซึ่งสะท้อนถึงผลลัพธ์ในหลายส่วนด้วยกัน ทั้งในส่วนของผลการดำเนินงานที่นับว่าดีที่สุดในอุตสาหกรรม จนทำให้เราได้รับการยอมรับอย่างมากจากกลุ่มนักลงทุนทั่วโลก และส่วนของความมุ่งมั่นที่มีมายาวนานในการรับมือกับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ได้เป็นอย่างดี”

กำหนดทิศทางที่ชัดเจน

“สเตฟาน นูสส์” อธิบายว่า ความสำเร็จของบริษัทส่วนหนึ่งมาจากทิศทางธุรกิจที่ชัดเจน และตอบรับแนวโน้มโลกอนาคตใน 3 ธีมหลัก คือ การสร้างความยั่งยืน (sustainability), สร้างประสิทธิภาพ (efficiency) และความยืดหยุ่นในการปรับตัว (resilient) ทั้งนั้น เพราะเราปรับมุมมองและรับมือกับวิกฤต โดยเร่งทุกกระบวนการทำงานเข้าสู่โลกดิจิทัลให้เร็วขึ้น รวมถึงการทำงานจากที่บ้าน (work from home-WFH) และการปรับพฤติกรรมการซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์

“สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นการสนับสนุนแนวคิดที่ว่า ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับโลกยุคใหม่ วิกฤตไม่ทำให้เราหยุดพัฒนา ในทางกลับกัน เราต้องเร่งพัฒนาเพื่อให้พร้อมก้าวสู่โลกแห่งอนาคตได้เร็วขึ้น ในปี 2563 บริษัทวางแผนเตรียมการสำหรับอนาคต โดยมีการซื้อบริษัทหลายแห่งเพื่อมาช่วยต่อยอดศักยภาพด้านการจัดการพลังงาน และโซลูชั่นซอฟต์แวร์ ที่ช่วยเติมเต็มรูปแบบการดำเนินงานในอุตสาหกรรมให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยเรียกว่า 4x Integration”

ฉะนั้น “4x Integration” จึงเป็นแนวคิดสำคัญของ “ชไนเดอร์ อิเล็คทริค” อันประกอบด้วย

หนึ่ง Energy and Automation การผสานรวมกันของระบบพลังงาน และระบบอัตโนมัติ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของ digital transformation

สอง End Point to Cloud การเชื่อมต่อเต็มรูปแบบ โดยใช้โซลูชั่น EcoStruxure ตั้งแต่ในพื้นที่โรงงาน หรือจุดที่ใช้งานไปยังคลาวด์

สาม Design & Build to Operate & Maintain คือ ระบบการทำงานแบบครบวงจร ตั้งแต่การออกแบบไปจนถึงการสร้าง การใช้งาน และการบำรุงรักษา

สี่ Site by Site to Integrated Company Management ความสามารถในการบริหารจัดการผ่านศูนย์ปฏิบัติการแบบครบวงจร ซึ่งจะเชื่อมต่อไซต์งานทั้งหมดขององค์กร เข้ากับระบบการจัดการแบบบูรณาการได้จากจุดเดียว

“ส่วนในปี 2564 บริษัทเร่งดำเนินการบริการด้านความยั่งยืน เพื่อทำให้ลูกค้ามั่นใจในการเป็นที่ปรึกษาที่น่าเชื่อถือในด้านความยั่งยืน ตลอดจนการวางกลยุทธ์ และการดำเนินการ ซึ่งการบริการด้านความยั่งยืนดังกล่าวหมายถึงการซื้อพลังงานในนามของลูกค้าชไนเดอร์ อิเล็คทริค การประหยัดพลังงาน และการลดการปล่อยคาร์บอน”

กลยุทธ์ความยั่งยืนปี’64

“สเตฟาน นูสส์” กล่าวถึงกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในปี 2564 ว่า ถ้าเรียงลำดับความสำคัญของการดำเนินกลยุทธ์ เราจะบริหารทั้งหมด 5 เรื่อง คือ ลำดับที่ 1 มีดิจิทัลในทุก ๆ ที่, ลำดับที่ 2 เติบโตไปพร้อม ๆ กับพันธมิตร,

ลำดับที่ 3 ผลักดันส่งเสริมดิจิทัลพาร์ตเนอร์ เพื่อความยั่งยืน และเสริมสร้างประสิทธิภาพให้กับลูกค้า ลำดับที่ 4 เร่งขยายการบริการของเรา และลำดับที่ 5 การเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนต่อเนื่องไป

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ยังมีพันธสัญญาใหม่ในระดับโลกอีก 6 ประการ ที่จะครอบคลุมตั้งแต่ปี 2564-2568 โดยกำหนดขึ้นเพื่อสอดคล้องกับการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals-SDGs) ของสหประชาชาติ (United Nations-UN) โดยความมุ่งมั่นทั้ง 6 ประการ ประกอบด้วยรายละเอียดดังนี้ คือ

หนึ่ง การกระทำที่เป็นผลบวกต่อสภาพอากาศ ประกอบด้วย เพิ่มรายได้สีเขียว (green revenue) ให้ถึง 80%, หลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Co2) ไปถึงลูกค้า และลดการปล่อย Co2 ลง 50% จากการดำเนินงานของซัพพลายเออร์ 1,000 รายแรก

สอง การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบด้วย เพิ่มวัตถุดิบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (green material) เป็น 50% และใช้บรรจุภัณฑ์ที่ปราศจากพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว รวมถึงใช้กระดาษแข็งรีไซเคิล 100%

สาม ดำเนินชีวิตตามหลักการแห่งความไว้วางใจ ประกอบด้วย ซัพพลายเออร์ต้องสามารถมอบงานที่ดีให้กับพนักงานของพวกเขาได้ 100% และวัดระดับความเชื่อมั่นของพนักงาน เพื่อรายงานพฤติกรรมที่ขัดต่อหลักการแห่งความน่าเชื่อถือต่อเนื่อง

สี่ การสร้างโอกาสที่เท่าเทียมกัน ประกอบด้วย เพิ่มความหลากหลายทางเพศ ทั้งการจ้างงาน และการให้โอกาสทุกเพศได้เติบโตไปเป็นผู้จัดการแถวหน้า และทีมผู้นำอย่างเท่าเทียมกัน และให้ผู้คนอย่างน้อย 50 ล้านคน สามารถเข้าถึงไฟฟ้าสีเขียว (green energy)

ห้า ใช้พลังของคนทุกรุ่น ประกอบด้วย เพิ่มการให้โอกาสคนรุ่นใหม่เป็น 2 เท่า ทั้งด้านโอกาสการฝึกงาน รวมถึงการจ้างงานบัณฑิตจบใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์ในการทำงาน และฝึกอบรมผู้ด้อยโอกาส 1 ล้านคน เกี่ยวกับความรู้ด้านการจัดการพลังงาน

หก เสริมพลังให้กับชุมชนในท้องถิ่นต่าง ๆ ประกอบด้วย บริษัทในเครือชไนเดอร์ อิเล็คทริค ในประเทศต่าง ๆ 100% ต้องกำหนดพันธสัญญาระดับท้องถิ่น 3 ประการ ที่ส่งผลกระทบต่อชุมชนที่บริษัทดำเนินธุรกิจให้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนตามวิถีของชไนเดอร์ อิเล็คทริค

นับว่าเบื้องหลังความสำเร็จในปี 2563 และวิสัยทัศน์ในอนาคตของ “ชไนเดอร์ อิเล็คทริค” เป็นกลยุทธ์ที่มีการพัฒนาดิจิทัลร่วมกันไปกับคู่ค้า และลูกค้า ด้วยนโยบายที่ยึดมั่น ยืนหยัดในการสร้างความยั่งยืนไปด้วยกัน จนเกิดประโยชน์สูงสุดสำหรับทุกคน