กต.อัพเดตเตรียมงานเอเปค พร้อมรับนักข่าวจากทั่วโลก 3 พันคน

กต.อัพเดตเตรียมงานเอเปค

อัพเดตความพร้อมจัดประชุมผู้นำเอเปค กระทรวงการต่างประเทศเปิดศูนย์สิริกิติ์ให้สื่อชมศูนย์ข่าว เผยชื่อผู้นำที่ตอบรับแล้ว

วันที่ 4 ตุลาคม 2565 กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ จัดบรรยายสรุปเกี่ยวกับการจัดศูนย์สื่อและการอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ให้กับสื่อมวลชน พร้อมกับเดินดูสถานที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งจะใช้เป็นที่จัดประชุมสัปดาห์ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค (APEC Economic Leaders’ Week-AELW)

การประชุมเอเปคจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 14-19 พฤศจิกายนนี้ โดยเชิญผู้แทนจากเขตเศรษฐกิจเอเปคทั้ง 20 เขตเศรษฐกิจ พื้นที่ที่ใช้เป็นศูนย์ข่าวทั้งหมดจะอยู่ในชั้นใต้ดิน กินพื้นที่ถึง 22,750 ตารางเมตร จัดบริเวณให้เป็นทั้งพื้นที่ทำงานของสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศ โดยมีห้องขนาดใหญ่จุ 250 คนหนึ่งห้อง และห้องแถลงข่าวขนาดเล็กความจุ 100 คนอีก 2 ห้อง

กต.อัพเดตเตรียมงานเอเปค

ขณะเดียวกัน มีจุดสำหรับดึงภาพบรรยากาศในงาน ทั้งภาพนิ่งและภาพวิดีโอส่วนกลางจาก Host Broadcaster สถานที่สำหรับรับประทานอาหารของสื่อมวลชน จุดสำหรับการตั้งกล้องถ่ายทอดสด หรือจัดรายการของสื่อ และยังมีจุดให้บริการนวดแผนไทยให้กับผู้สื่อข่าวในบริเวณศูนย์ข่าวด้วย

กต.อัพเดตเตรียมงานเอเปค

 

นอกจากนี้ ยังมีจุดแสดงนิทรรศการของบริษัทต่าง ๆ ที่เป็นพันธมิตรด้านประชาสัมพันธ์ของการเป็นเจ้าภาพเอเปคของไทย สอดคล้องกับธีมหลักของการประชุมเอเปคของไทยในปีนี้คือ “เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกัน สู่สมดุล” หรือ “Open. Connect. Balance.” และการแสดงนวัตกรรมต่าง ๆ ที่ล้อไปกับโมเดลเศรษฐกิจบีซีจี หรือเศรษฐกิจชีวิภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว ที่ไทยนำเสนอในการประชุมเอเปคด้วยเช่นกัน

นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ขณะนี้ถือได้ว่าในส่วนของการเตรียมการด้านโครงสร้างต่าง ๆ เพื่อการจัดประชุมผู้นำเอเปคในเดือนพฤศจิกายนนี้ของไทยเสร็จสิ้นไปเกือบ 100% แล้ว ในส่วนของศูนย์ข่าวขณะนี้ถือได้ว่ามีความพร้อมทุกอย่าง เหลือเพียงการเข้ามาตกแต่งสถานที่ตามแผนการที่วางไว้เท่านั้น

กต.อัพเดตเตรียมงานเอเปค

ในสัปดาห์ผู้นำเอเปคคาดว่าจะมีผู้สื่อข่าวจากทั่วโลกมาเข้าร่วมทำข่าว 2,000-3,000 คน ขณะที่คาดว่าจะมีคณะผู้แทนจากเขตเศรษฐกิจทั้ง 21 เขตเศรษฐกิจเข้าร่วมประชุมอีกราว 2,000-3,000 คน เช่นเดียวกัน

ในแง่ของสารัตถะที่ผ่านมา มีการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสเอเปคมาแล้ว 3 ครั้ง เน้นสาระที่สอดคล้องกับธีมหลัก “เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกัน สู่สมดุล” ในการเป็นเจ้าภาพของไทย ตั้งแต่การอำนวยความสะดวกด้านการลงทุนผ่านความตกลงเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก (FTAAP)

การอำนวยความสะดวกด้านการสร้างความเชื่อมโยงและการเดินทาง ด้วยการแบ่งปันข้อมูล เพื่อสร้างความสะดวกในการเดินทางเข้าประเทศ ระหว่างเขตเศรษฐกิจที่เป็นสมาชิกเอเปค และการสร้างความสมดุลอย่างยั่งยืน ภายใต้โมเดลเศรษฐกิจบีซีจีของไทย ซึ่งเขตเศรษฐกิจเอเปคต่าง ๆ สนับสนุน

นอกจากนี้ เวทีเอเปคที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นในปลายปีนี้ ยังสามารถเป็นเวทีให้ประเทศต่าง ๆ ในโลกมาพูดคุยกันเกี่ยวกับปัญหาต่าง ๆ ที่สำคัญของโลกอีกด้วย

กต.อัพเดตเตรียมงานเอเปค

นายธานีกล่าวด้วยว่า เมื่อวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ก็ได้เรียกประชุมภายในกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อรับฟังความคืบหน้าของการเตรียมการในด้านต่าง ๆ ทั้งหมด

ไม่ว่าจะในแง่พิธีการ การจัดเลี้ยง การเดินทาง การรักษาความปลอดภัย โลจิสติกส์ การประชาสัมพันธ์ และศูนย์ข่าว ขณะที่ในวันที่ 7 ตุลาคม จะประชุมกันอีกครั้งในเรื่องสารัตถะและประเด็นโมเดลเศรษฐกิจบีซีจี ฯลฯ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนบรรยายสรุปให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รับทราบความคืบหน้าของการจัดประชุมผู้นำเอเปคในวันที่ 10 ตุลาคมนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้มีผู้นำเขตเศรษฐกิจที่ตอบรับมาเข้าร่วมประชุมในไทยกี่เขตเศรษฐกิจแล้ว นายธานีกล่าวว่า มีสิงคโปร์ ไทเป ฮ่องกง ขณะอีกหลายเขตเศรษฐกิจก็แจ้งมาแล้วว่าจะเดินทางมาร่วมประชุม แต่เพื่อการรักษาความปลอดภัยให้กับผู้นำ เราจึงยังจะไม่ประกาศการแจ้งยืนยันใด ๆ

เมื่อถามถึงผู้นำจีนและรัสเซียว่าได้ตอบรับการเข้าร่วมแล้วหรือไม่ นายธานีกล่าวว่า กรณีของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนนั้น นายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีต่างประเทศจีนเคยแจ้งกับนายดอนว่า หากไม่ติดภารกิจอื่น ประธานาธิบดีสีก็จะเดินทางมาเข้าร่วมประชุมเอเปคในไทย ขณะที่ในส่วนของผู้นำรัสเซียยังอยู่ระหว่างการประสานงาน

ด้านนางจาซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ ได้แจ้งกับเอกอัครราชทูตและผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ระหว่างเข้าร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ว่าจะเดินทางมาเข้าร่วมประชุมเอเปคที่กรุงเทพฯอย่างแน่นอน เช่นเดียวกับท่านประธานาธิบดีเฟอร์ดินาน มาร์กอส จูเนียร์ ของฟิลิปปินส์