กรมธุรกิจพลังงาน ขอความร่วมมือภาคเอกชน เร่งแก้ไขปัญหาระบบการค้าและความปลอดภัยก๊าซปิโตรเลียมเหลวภาคครัวเรือน เพื่อสร้างความมั่นใจด้านคุณภาพและความปลอดภัยให้ประชาชน
วันที่ 30 พฤษภาคม 2566 นางพัทธ์ธีรา สายประทุมทิพย์ รองอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยภายหลังเป็นประธานคณะทำงานฯ ระบุว่า จากการตรวจพบถังก๊าซหุงต้มเสื่อมสภาพที่มีมากขึ้น ประกอบกับมีข้อร้องเรียนจากสมาคมผู้ค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว เกี่ยวกับปัญหาระบบการค้าและความปลอดภัยก๊าซปิโตรเลียมเหลวภาคครัวเรือน ทางกรมธุรกิจพลังงานจึงได้จัดตั้งคณะทำงานแก้ไขปัญหาก๊าซปิโตรเลียมเหลวในภาคครัวเรือนขึ้น โดยเน้นความร่วมมือกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งระบบเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
โดยคณะทำงานซึ่งมีผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 4 ฝ่าย ประกอบด้วย ผู้ค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลวภาคครัวเรือนทั้งหมดรวม 12 ราย สมาคมผู้ประกอบธุรกิจโรงบรรจุก๊าซหุงต้ม สมาคมผู้ค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลวหรือผู้แทนร้านจำหน่าย และกรมธุรกิจพลังงาน
คณะทำงานได้ร่วมพิจารณาประเด็นปัญหาและวางแนวทางการดำเนินงานให้ครอบคลุมทั้งระบบ โดยด้านการจัดระบบการค้าและการเก็บซ่อมถัง กรมได้ขอความร่วมมือให้ผู้ค้าน้ำมันร่วมกับโรงบรรจุที่เป็นคู่สัญญาดำเนินการตรวจสอบและซ่อมถังตามแผนที่กำหนด
ในขณะที่ด้านความปลอดภัยในการขนส่งและการประกอบกิจการในโรงบรรจุและร้านจำหน่าย พร้อมจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ในรูปแบบอินโฟกราฟิกส์ เสริมสร้างความเข้าใจสำหรับโรงบรรจุ ร้านจำหน่าย หน่วยงานของรัฐ และประชาชน เพื่อให้ได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและปฏิบัติเป็นไปในแนวทางเดียวกัน พร้อมทั้งขอความร่วมมือสำนักงานพลังงานจังหวัดทุกจังหวัดเผยแพร่สื่อประชาสัมพันธ์ดังกล่าว และทำความเข้าใจกับผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนเรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ คณะทำงานยังมีมาตรการทางกฎหมายและความร่วมมืออีกหลายประการซึ่งอยู่ระหว่างหารือและกำหนดแนวทางปฏิบัติร่วมกัน กรมธุรกิจพลังงานเชื่อว่าการดำเนินงานภายใต้ความร่วมมือกับทุกภาคส่วนในครั้งนี้จะส่งผลต่อการแก้ปัญหาเรื่องถังก๊าซหุงต้มเสื่อมสภาพให้มีอัตราลดลง การดำเนินธุรกิจเป็นธรรมต่อทุกภาคส่วน โดยการดำเนินการจะยึดประโยชน์ของภาคประชาชนเป็นสำคัญ ซึ่งจะมีการติดตามประเมินผล พร้อมทั้งรายงานความคืบหน้าแจ้งต่อสาธารณะเป็นลำดับต่อไป