นายยาซุฮิโระ โมริ หัวหน้าสำนักงานผู้แทน บริษัท คาวาซากิ เฮฟวี อินดัสทรีส์ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัท คาวาซากิ เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ กำลังเร่งทำตลาดเครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบเครื่องยนต์ก๊าซ (Gas Engine) ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย เมียนมา
โดยเฉพาะไทย จะเน้นจำหน่ายให้กับผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งมีแนวโน้มจะก่อสร้างโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก(SPP) มากขึ้น รวมถึงโครงการโรงไฟฟ้า SPP ของภาครัฐในลอตแรก จำนวน 500 เมกะวัตต์ที่จะหมดอายุสัญญาลงในปี 2568 คาดว่าอย่างน้อย 250 เมกะวัตต์ของลูกค้า SPP กลุ่มนี้จะใช้ Gas Engine ของคาวาซากิฯ
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
“เราทำตลาด Gas Engine ในญี่ปุ่นมา 9 ปีแล้ว แต่ในไทยยังไม่ค่อยมีใครรู้จัก ที่ผ่านมาขาย Gas Engine ขนาด 7.8 เมกะวัตต์ในไทยได้ 5 เครื่อง ราคาเครื่องละ 500 ล้านเยน ขายให้โรงงานอุตสาหกรรม 2 เครื่อง และโรงไฟฟ้าเบิกไพรโคเจนเนอเรชั่น จำนวน 3 เครื่อง”
จุดเด่นของ Gas Engine มีต้นทุนต่ำ หากเทียบการใช้เครื่องกังหันก๊าซ (Gas Turbine) ในขนาด 7.8 เมกะวัตต์เท่ากัน ประสิทธิภาพระบบผลิตพลังงานความร้อนของ Gas Turbine ประมาณ 30% ขณะที่ประสิทธิภาพของ Gas Engine อยู่ที่ 49.5%
“กระบวนการผลิตไฟฟ้า Gas Turbine จะไปอยู่โดด ๆ ไม่ได้ ต้องไปรวมกับเครื่องกังหันไอน้ำ (Steam Turbine) ถึงจะคุ้ม แต่ Gas Engine สามารถอยู่โดด ๆ ได้ แต่ผลิตไอน้ำได้น้อย ปกติโรงไฟฟ้า SPP แบบใช้พลังความร้อนร่วมจะมี Gas Turbine 2 ตัว พอผลิตไฟฟ้าได้ ก๊าซร้อนส่วนที่เหลือจะถูกส่งไปยังเครื่องผลิตไอน้ำ (HRSG) เพื่อต้มน้ำให้เป็นไอน้ำ ไอน้ำที่ได้จะจ่ายให้ลูกค้าและอีกส่วนหนึ่งจะนำไปหมุน Steam Turbine ไอน้ำในส่วนนี้จะถูกส่งให้ลูกค้าอุตสาหกรรม แต่ Gas Engine มาตอบโจทย์อุตสาหกรรมที่ไม่ต้องการใช้ไอน้ำ อย่างโรงไฟฟ้าเบิกไพรฯ มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และไม่มีลูกค้าใช้ไอน้ำ ตามสัญญาช่วงที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (Peak) ต้องขายไฟให้ กฟผ. 90 เมกะวัตต์ และช่วงที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าน้อย (Off Peak) ต้องขายไฟให้ กฟผ. 59 เมกะวัตต์ หากติดตั้ง Gas Turbine 2 ตัว จะผลิตไฟได้เกินความจำเป็น 110 เมกะวัตต์ ไม่คุ้ม
คาวาซากิเสนอให้ตัด Gas Turbine ออกไป 1 ตัว พร้อมเสริม Gas Engine ขนาด 7.8 เมกะวัตต์ 3 ตัวเข้าไป เท่ากับ 23.4 เมกะวัตต์ ทำให้ช่วง Peak จะเดินเครื่องทั้งหมด คือ Gas Turbine 1 ตัว Gas Engine 3 ตัว จะได้ไฟ 90 เมกะวัตต์ แต่ช่วง Off Peak จะหยุดเดินเครื่อง Gas Engine ทั้ง 3 ตัว จะเหลือการผลิตไฟจาก Gas Turbine ประมาณ 60 MW จะขายให้ กฟผ.ได้เต็มประสิทธิภาพ จะทำให้ประหยัดต้นทุนในการผลิตไฟฟ้า