พีระพันธุ์ ลุยรื้อโครงสร้างพลังงาน หลังบี้ลดค่าไฟลง 50 สตางค์

พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค

พีระพันธุ์ดันค่าไฟงวด 1 (ม.ค.-เม.ย.) ปี’67 จนวินาทีสุดท้าย ให้ประชาชน-ธุรกิจ จ่ายเพียง 4.18 บาท และกลุ่มใช้ไฟน้อยจ่าย 3.99 บาท จากเดิมที่ กกพ. เสนอ 4.68 บาท พร้อมเตรียมปรับโครงสร้างราคาพลังงานทุกชนิดในปีนี้

วันที่ 11 มกราคม 2567 นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า กระทรวงพลังงานเข้าใจความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน จึงพยายามหามาตรการต่าง ๆ ในการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน

ซึ่งในส่วนของค่าไฟฟ้า จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ บ้านที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน จะจ่ายค่าไฟฟ้าในอัตราเดิมคือ 3.99 บาทต่อหน่วย ส่วนบ้านที่ใช้ไฟฟ้าเกิน 300 หน่วยต่อเดือน จากเดิมที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานได้ประกาศไว้ที่ 4.68 บาทต่อหน่วย

กระทรวงพลังงานได้พยายามหาทุกช่องทาง ทุกมาตรการ เพื่อให้ค่าไฟฟ้าสามารถลดลงกว่านี้ ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จนสามารถลดค่าไฟฟ้าเหลือเพียง 4.18 บาทต่อหน่วย หรือลดลงอีก 50 สตางค์ต่อหน่วยจากที่ กกพ. ประกาศ

ซึ่งต้องยอมรับว่า กระทรวงพลังงานได้ดำเนินทุกมาตรการที่สามารถดำเนินการได้ในระยะเวลาที่จำกัด แต่เนื่องจากต้นทุนเชื้อเพลิง โดยเฉพาะค่าก๊าซธรรมชาตินำเข้าหรือ LNG แม้จะเริ่มมีราคาลดลงแต่ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับสูง

แต่คาดว่าค่าไฟฟ้าในงวดหน้า (พฤษภาคม-สิงหาคม) มีแนวโน้มไปในทางที่ดี เนื่องจากก๊าซธรรมชาติจากแหล่งในอ่าวไทยจะสามารถผลิตได้ตามแผนที่วางไว้ที่ 800 ล้านลูกบาศ์กฟุตต่อวัน กอปรกับการปรับโครงสร้างราคาที่กำลังดำเนินการอยู่ ก็คาดว่าจะทำให้ค่าไฟฟ้าลดลงจากราคาปัจจุบันได้อีก

“ผมและกระทรวงพลังงานและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความห่วงใยในภาระค่าครองชีพของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะในส่วนของค่าไฟฟ้างวดเดือนมกราคม-เมษายน 2567 ซึ่งจากเดิมที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานคาดว่าจะต้องประกาศที่ราคา 4.68 บาทต่อหน่วย ทางผมได้สั่งการให้แต่ละหน่วยงานหามาตรการต่าง ๆ เพื่อให้สามารถลดภาระค่าครองชีพของประชาชนได้มากที่สุด”

ตัวอย่างที่ดำเนินการแล้ว เช่น การให้โรงแยกก๊าซธรรมชาติมาใช้ราคา Pool Gas (ราคาเฉลี่ยรวมก๊าซธรรมชาติจากทุกแหล่ง) ก็เป็นส่วนหนี่งที่ทำให้ราคาค่าไฟลดลงมาได้ และที่สำคัญคือเป็นการลดแบบถาวร

นอกจากนี้ก็ได้ความร่วมมือจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ในการขยายหนี้ออกไปอีก 1 งวด และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในการกำหนดราคาขายก๊าซธรรมชาติ และในอนาคตจะมีการรื้อโครงสร้างราคาค่าไฟฟ้า โดยพยายามหามาตรการต่าง ๆ เช่น การหาแหล่งเชื้อเพลิงต้นทุนต่ำ การรื้อสัญญาโรงไฟฟ้าที่มีข้อผูกพันในระยะยาว การเข้าไปดูแลการนำเข้า Spot LNG

“ซึ่งทั้งหมดนี้หากดำเนินการแล้วเสร็จ ก็จะสามารถทำให้ค่าไฟฟ้าลดลงได้อีก และขอยืนยันว่า ในปีนี้ผมจะดำเนินนโยบายที่ได้นำเสนอไว้คือ รื้อ ลด ปลด สร้าง จะแก้กฎหมายกฎระเบียบ หรือการเขียนกฎหมายขึ้นมาใหม่ เพื่อให้โครงสร้างราคาพลังงานทุกชนิด ไม่ใช่แค่เฉพาะไฟฟ้า ให้มีความเป็นธรรม ประชาชนต้องไม่ได้รับความเดือดร้อนจากราคาพลังงาน และจะต้องมีความยั่งยืนอีกด้วย” นายพีระพันธุ์กล่าว