ประกาศ “เหล็กกล้าทรงแบนรีดเย็นเคลือบอะลูมิเนียมผสมสังกะสี” เป็นมาตรฐานบังคับ

สมอ.คุมเข้มทุกผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ทยอยประกาศเป็นมาตรฐานบังคับ ควบคุมทั้งผู้ผลิต ผู้นำเข้า ย้ำผู้ผลิตเตรียมปรับตัวก่อนลุยลงโทษตามกฎหมาย ล่าสุดบอร์ด กมอ.เห็นชอบ เหล็กกล้าทรงแบนรีดเย็นเคลือบอะลูมิเนียม 55% ผสมสังกะสี โดยกรรมวิธีจุ่มร้อนแบบต่อเนื่อง เป็นมาตรฐานบังคับแล้ว เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค

นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เปิดเผยว่า เหล็กกล้าทรงแบนรีดเย็นเคลือบอะลูมิเนียม 55% ผสมสังกะสี โดยกรรมวิธีจุ่มร้อนแบบต่อเนื่อง ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญที่นำไปใช้ทำผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องหลากหลายประเภท ทั้งผลิตภัณฑ์สำหรับงานก่อสร้าง งานอุตสาหกรรม เช่น หลังคา ผนัง และส่วนประกอบของเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น ตัวถังภายนอกของตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ ปัจจุบันพบว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีนำเข้ามาจำหน่ายในท้องตลาดในราคาถูก มีคุณภาพต่ำ คุณสมบัติความหนา ความกว้าง ความยาว และความหนาของชั้นเคลือบไม่ตรงตามที่ระบุในฉลาก ทำให้เกิดผลเสียหายและความปลอดภัยต่อผู้ใช้

สมอ.จึงได้ผลักดันมาตรฐาน มอก.2228-2559 มาตรฐานเหล็กกล้าทรงแบนรีดเย็นเคลือบอะลูมิเนียม
55% ผสมสังกะสี โดยกรรมวิธีจุ่มร้อนแบบต่อเนื่องเป็นมาตรฐานบังคับ เพื่อควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์ให้เป็นไปตามมาตรฐาน ทั้งผู้ทำในประเทศ และผู้นำเข้าทุกราย

นอกจากนี้ยังสามารถสร้างความมั่นใจในคุณภาพให้กับผู้ใช้ผลิตภัณฑ์และผู้ทำผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องจาก มอก.2228-2559 ทุกๆ ผลิตภัณฑ์มากขึ้น และที่สำคัญที่สุดคือความคุ้มค่าในการใช้ผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องของผู้บริโภค

โดยคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (กมอ.) ได้มีมติเห็นชอบให้กำหนดเป็นมาตรฐานบังคับ เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2562 ที่ผ่านมา และ สมอ.จะดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายเพื่อประกาศเป็นมาตรฐานบังคับต่อไป จึงขอให้ผู้ประกอบการทั้งผู้ทำและผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์ดังกล่าว เตรียมความพร้อมก่อนที่ สมอ.จะประกาศเป็นมาตรฐานบังคับต่อไป

นอกจาก กมอ.จะเห็นชอบมาตรฐานเหล็กกล้าทรงแบนรีดเย็นเคลือบอะลูมิเนียม 55% ผสมสังกะสีโดย
กรรมวิธีจุ่มร้อนแบบต่อเนื่องเป็นมาตรฐานบังคับแล้ว ยังเห็นชอบให้มาตรฐานขั้วรับหลอดฟลูออเรสเซนซ์และขั้วรับสตาร์ตเตอร์ มอก.344-25xx และมาตรฐานหลอดแอลอีดีมีบัลลาสต์ในตัว สำหรับการให้แสงสว่างทั่วไปด้วยแรงดันไฟฟ้ามากกว่า 50 V มอก.2780-25xx เป็นมาตรฐานบังคับ

และเห็นชอบร่างมาตรฐานใหม่อีก 11 เรื่อง อาทิ เครื่องจักรกลไฟฟ้าชนิดหมุน ยางล้อแบบสูบลมหล่อดอกซ้ำสำหรับยานยนต์และส่วนพ่วง พอลิเมอร์เสริมเส้นใย สำหรับงานโครงสร้างคอนกรีตไม่อัดแรง และเหล็กกล้าทรงแบนเคลือบสังกะสีผสมอะลูมิเนียม 5% ถึง 13% และแมกนีเซียม 2% ถึง 4% โดยวิธีจุ่มร้อน เป็นต้น

ปัจจุบัน สมอ.ประกาศให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมต้องเป็นไปตามมาตรฐาน หรือมาตรฐานบังคับ จำนวน 115 มาตรฐาน เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับความปลอดภัยจากการใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว