“พาณิชย์” ระดมพลเร่งสร้างร้านธงฟ้าประชารัฐรองรับนโยบายประชารัฐสวัสดิการ

สืบเนื่องจากนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการลดค่าครองชีพผู้มาลงทะเบียนรายได้น้อยที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 11.67 ล้านคน โดยให้ได้รับส่วนลดในการซื้อสินค้าที่จำเป็น วัสดุทางการศึกษา และวัตถุดิบทางการเกษตร จากร้านธงฟ้าประชารัฐที่เข้าร่วมโครงการกับกระทรวงพาณิชย์ ในอัตราคนละ 200 – 300 บาท ต่อเดือน พร้อมได้สิทธิลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง อาทิ ค่าโดยสารรถเมล์ รถไฟฟ้า รถ บขส. และรถไฟ ในอัตราที่กำหนด รวมถึงค่าก๊าซหุงต้ม ด้วย โดยกำหนดให้พร้อมจำหน่ายและบริการแก่ผู้ถือบัตร ในวันที่ 1 ตุลาคม 2560 นั้น

กระทรวงพาณิชย์ โดยนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ซึ่งได้รับมอบหมายให้เป็นผู้นำทัพ ได้สั่งการให้พาณิชย์จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ในสังกัด รองรับนโยบายให้ทันตามกำหนด

นายวิชัย โภชนกิจ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ ได้ชี้แจงว่า นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ เร่งรัดเจ้าหน้าที่ทั้งจากกรมการค้าภายใน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และสำนักงานพาณิชย์จังหวัด ให้ดำเนินการตามที่ได้รับมอบหมายโดยการจัดหาร้านค้าเข้าร่วมโครงการจัดจำหน่ายสินค้าธงฟ้าประชารัฐในราคาลดพิเศษ การจัดหาผู้ผลิต ผู้ค้าส่ง เพื่อเชื่อมโยงการซื้อขายสินค้า ตลอดจนการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ถือบัตร และผู้บริโภคทั่วไป ได้ใช้บริการอย่างทั่วถึง โดยกำหนดเป้าหมายให้มีร้านค้าธงฟ้าประชารัฐกระจายลงสู่ชุมชน ทั้งในพื้นที่ชนบทและชุมชนเมือง อย่างน้อยตำบลละ 1 ร้านค้า มากน้อยตามความหนาแน่นของผู้ลงทะเบียน เป้าหมายให้มีร้านค้ากระจายทั่วประเทศไม่ต่ำกว่า 20,000 ร้านค้า

กระทรวงพาณิชย์ ได้สนองนโยบายโดยจัดทีมเจ้าหน้าที่ออกพบปะ เชิญชวนร้านค้าปลีกรายย่อย
ในเครือข่ายร้านค้าชุมชน ร้านค้าสหกรณ์ กองทุนหมู่บ้าน วิสาหกิจชุมชน การเคหะ ฯลฯ เข้าร่วมโครงการฯ โดยร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ จะได้รับการติดตั้งเครื่องรูดบัตรฟรี การซื้อขายสินค้าให้ชำระเงินผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ราชการออกให้ โดยรัฐบาลจะชำระเงินค่าสินค้าแทนผู้ถือบัตรให้แก่ร้านค้าเป็นรายวัน และจะโอนเงินเข้าบัญชีภายใน 3 วัน คาดว่าเมื่อมีการดำเนินการเต็มรูปแบบร้านค้าธงฟ้าประชารัฐจะสามารถให้บริการผู้ถือบัตรได้อย่างทั่วถึงและครบถ้วน ซึ่งจะมีการใช้เงินผ่านบัตรเดือนละ 3,200 ล้านบาท หรือรวมทั้งปีไม่ต่ำกว่า 38,000 ล้านบาท

ความคืบหน้าตั้งแต่วันที่ 3 – 6 กันยายน 2560 มีร้านค้าทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการฯ แล้ว 4,506 แห่ง โดยจังหวัดที่มีร้านค้าเข้าร่วมโครงการฯ จำนวนมาก ได้แก่ อุดรธานี 315 แห่ง อุบลราชธานี 155 แห่ง ลำพูน 149 แห่ง พิษณุโลก 123 แห่ง ร้อยเอ็ด 112 แห่ง บุรีรัมย์ 110 แห่ง สุโขทัย 108 แห่ง สุรินทร์ 107 แห่ง นครสวรรค์ 103 แห่ง และสกลนคร 103 แห่ง ส่วนจังหวัดอื่น ได้ทะยอยรายงานความคืบหน้าตามลำดับ คาดว่าถึงกำหนดวันจำหน่ายสินค้า 1 ตุลาคม 2560 จะมีร้านค้าเข้าร่วมโครงการฯ ทั่วถึงตามเป้าหมาย

ในส่วนของผู้ผลิตสินค้าที่จำเป็นในการครองชีพ วัตถุดิบในการผลิตสินค้าเกษตร และอุปกรณ์ด้านการศึกษา ที่สนใจเข้าร่วมโครงการฯ ให้ยื่นความจำนงได้ที่ สำนักจัดระบบราคาและปริมาณสินค้า กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-2507-5671 หรือสายด่วน 1569