ประชุมอาเซียน +3 อาเซียนสมัยพิเศษ ย้ำ แผนฟื้นเศรษฐกิจจากพิษโควิด-19

การประขุมอาเซียน+3 อาเซียนสมัยพิเศษ ยังเน้นย้ำแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจากปัญหาโควิด-19 หวังให้กลุ่มเศรษฐกิจฟื้นตัวร่วมกัน

นายสรรเสริญ สมะลาภา ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การประชุมเศรษฐกิจอาเซียนบวกสาม (จีน ญี่ปุ่น และเกาหลี) สมัยพิเศษว่าด้วยโควิด – 19 โดยที่ประชุมเน้น 5 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ (1) รักษาตลาดที่เปิดกว้างสำหรับการค้าและการลงทุน เพื่อเสริมสร้างการฟื้นตัวและความยั่งยืนของห่วงโซ่การผลิตในระดับภูมิภาค (2) แก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้าที่มิใช่ภาษีที่เป็นอุปสรรคต่อการเคลื่อนย้ายของสินค้าและบริการ (3) อำนวยความสะดวกการเคลื่อนย้ายของนักธุรกิจในภูมิภาคตามนโยบายของแต่ละประเทศโดยคำนึงถึงความปลอดภัยด้านสาธารณสุข (4) สนับสนุนภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ MSME ในการใช้เทคโนโลยีและพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และ (5) ฟื้นฟูเศรษฐกิจผ่านเวที RCEP โดยผลักดันลงนามให้แล้วเสร็จภายในปีนี้

โดยเป็นการวางแนวทางเพื่อลดผลกระทบ กระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และรักษาความเชื่อมโยงของห่วงโซ่การผลิตในภูมิภาค รวมถึงส่งเสริมมาตรการอำนวยความสะดวกทางการค้า นอกจากนี้ รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนบวกสามยังมอบให้เจ้าหน้าที่ร่วมมือกันริเริ่มโครงการที่จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจภายหลังการแพร่ระบาดของโควิด – 19 คลี่คลายลงอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมเน้นย้ำถึงคำมั่นที่จะลงนามความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ RCEP ในปีนี้

นายสรรเสริญ กล่าวอีกว่า การประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนสมัยพิเศษว่าด้วยโควิด–19 ได้แลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับผลกระทบจากสถานการณ์โควิค-19 ในภูมิภาค ซึ่งกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้คาดการณ์ว่า ในปี 2563 เศรษฐกิจโลกจะหดตัวถึงร้อยละ 3 และได้หารือการรับมือกับผลกระทบทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะ New Normal ที่เกิดขึ้น และการรักษาความเชื่อมโยงของห่วงโซ่การผลิตโลก เพื่อให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในภูมิภาคดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น รวมทั้งวางแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจในระยะยาว และเห็นความสำคัญของการร่วมมือกันในภูมิภาค รวมทั้งเน้นย้ำให้เร่งสรุปการเจรจาความตกลง RCEP ให้สามารถลงนามในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งจะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมทางการค้าและการลงทุนที่เอื้อต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจ รวมทั้งดึงดูดการลงทุนเข้าสู่ภูมิภาค

เพื่อให้การรับมือกับผลกระทบมีผลอย่างรวดเร็ว รัฐมนตรีเศรษฐกิจได้ออกแผนปฏิบัติการฮานอยว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและความเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานของอาเซียนให้เข้มแข็งในการตอบสนองต่อการระบาดใหญ่ของไวรัสโควิด-19 (Hanoi Plan of Action on Strengthening ASEAN Economic Cooperation and Supply Chain Connectivity in Response to the COVID-19 Pandemic) ซึ่งเป็นแผนงานความร่วมมือเพื่อแก้ปัญหาและส่งเสริมให้การเคลื่อนย้ายสินค้าในภูมิภาคเป็นไปอย่างราบรื่น โดยเฉพาะสินค้าที่จำเป็น ได้แก่ อาหาร ยา และอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยจะหลีกเลี่ยงการออกมาตรการต่างๆ ที่ไม่จำเป็นและอาจเป็นอุปสรรคทางการค้า จะร่วมกันแลกเปลี่ยนข้อมูลการใช้มาตรการด้านการค้าทันที และจะส่งเสริมเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมที่ทันสมัยในการอำนวยความสะดวกทางการค้า เพื่อให้อาเซียนพร้อมรองรับความท้าทายใหม่ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยรัฐมนตรีเศรษฐกิจมอบหมายให้เจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจอาเซียน (SEOM) ติดตามการดำเนินการตามแผนให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป

ทั้งนี้ รัฐมนตรีเศรษฐกิจยังได้หารือกับตัวแทนจากภาคเอกชนของอาเซียน หรือสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน (ASEAN–BAC) โดยภาคเอกชนได้เสนอแนวทางการรับมือกับวิกฤตที่เกิดขึ้นในระยะสั้น และการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังจากการระบาดใหญ่ในระยะยาว โดยที่ประชุมฯ สนับสนุนความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการแก้ไขปัญหาจากผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม เพื่อร่วมจัดทำข้อเสนอแนะต่อผู้นำอาเซียนเกี่ยวกับแผนการดำเนินการในเรื่องดังกล่าว