หวังยุติข้อพิพาท “คิงส์เกต” อุตฯจ่อให้ “ริชภูมิ” สำรวจแร่

‘คิงส์เกต’-เหมืองทองอัครา
แฟ้มภาพ

เมืองจันท์ต้านเหมืองแร่ หลัง กพร.ออกหนังสือแจงคำคัดค้านออกอาชญาบัตรพิเศษของริชภูมิ ไมนิ่ง ไม่เป็นผล ควงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่กล่อมให้ยอมรับ วงการเหมืองตั้งข้อสังเกตการออกอาชญาบัตรเป็นบันไดขั้นแรกที่เปิดช่องให้อัครากลับมาทำเหมืองทองคำในไทยต่อไป แลก “คิงส์เกต” บริษัทแม่ถอนฟ้อง

ท่ามกลางการระบาดของโควิด-19 ระลอก 2 กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) โดยเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่จังหวัดจันทบุรีได้รับ “จดทะเบียน” คำขออาชญาบัตรพิเศษแร่ทองคำของบริษัทริชภูมิ ไมนิ่ง จำกัด บริษัทในเครือของบริษัทอัครา รีซอร์สเซส เจ้าของสัมปทานเหมืองทองคำชาตรี จ.พิจิตร ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ บริษัทคิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ลิมิเต็ด ที่กำลังมีข้อพิพาทกับรัฐบาลไทย กรณีถูกยุติการอนุญาตอาชญาบัตรพิเศษสำรวจแร่ทองคำและประทานบัตรทำเหมืองแร่ทองคำ รวมทั้งคำขอต่ออายุประทานบัตรทั้งหมดมาตั้งแต่ปี 2560

โดยการรับจดทะเบียนอาชญาบัตรพิเศษแร่ทองคำ 2 คำขอ (8/2549-9/2549) เนื้อที่ 14,650 ไร่ ตำบลพวากับตำบลสามพี่น้อง อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี นับเป็นขั้นแรกในการกลับมาได้รับ “อาชญาบัตรพิเศษแร่ทองคำ” ของกลุ่มบริษัทอัครา รีซอร์สเซส หลังจากที่บริษัทต้องยุติการสำรวจและทำเหมืองแร่ทองคำมาไม่ต่ำกว่า 4 ปี

ขณะที่วงการเหมืองแร่ได้ตั้งข้อสังเกตว่า การได้กลับมาสำรวจแร่ทองคำครั้งนี้จะมีผลโดยตรงต่อความเป็นไปได้ในการ “ยุติข้อพิพาท” ระหว่างรัฐบาลไทยกับบริษัทคิงส์เกต ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะอนุญาโตตุลาการในขณะนี้

กพร.ดันออกอาชญาบัตรต่อ

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า ในปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมานี้ นายวิษณุ ทับเที่ยง อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.)ได้ทำหนังสือถึงนายธีระ วงษ์เจริญ ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดจันทบุรี ผู้คัดค้านการออก อาชญาบัตรพิเศษแร่ทองคำเพื่อทำการสำรวจแร่ของบริษัทริชภูมิ ไมนิ่ง ในท้องที่ อ.แก่งหางแมว

โดย กพร.เห็นว่าการสำรวจแร่ไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายหรือส่งผลกระทบต่อพื้นที่ที่บริษัท (ริชภูมิ ไมนิ่ง) ทำการสำรวจแร่ โดยการยื่นคำขออาชญาบัตรพิเศษเป็นการ “ขอสิทธิ”ในการสำรวจแร่ในพื้นที่ที่กำหนดและการอนุญาตอาชญาบัตรพิเศษจึงไม่ใช่การอนุญาตหรือการให้สิทธิในการครอบครองพื้นที่

ด้าน นางอินทิรา มานะสกุล รองประธานอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน (ทสม.) จันทบุรี กล่าวว่า ที่ผ่านมาภาคีเครือข่าย-องค์กรภาคประชาชนจังหวัดจันทบุรีได้ยื่นเรื่องคัดค้านและขอให้ยุติการพิจารณาการออกอาชญาบัตรพิเศษสำรวจแร่ทองคำมาโดยตลอด ทั้งการยื่นหนังสือคัดค้านจากการรวบรวมรายชื่อผู้ไม่เห็นด้วยถึง 58,307 รายชื่อ การยื่นเรื่องเสนอต่อคณะอนุกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษา สภาผู้แทนราษฎร และให้ข้อมูล ส.ส.ในพื้นที่ แต่ก็ไม่สามารถล้มเลิกกระบวนการในการจดทะเบียนคำขออาชญาบัตรพิเศษของบริษัทริชภูมิ ไมนิ่ง ได้

“ดังนั้นเราจะขอใช้สิทธิบุคคลและชุมชนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 43(2)(3) ต่อไปคือ คัดค้านการออกอาชญาบัตรพิเศษแร่ทองคำของ บริษัทริชภูมิ ไมนิ่งต่อไป และหาก กพร.ยังเพิกเฉยและดำเนินการต่อไป เครือข่ายคนจันท์ต้านเหมืองและพี่น้องชาวจันทบุรีก็จะใช้สิทธิบุคคลและชุมชนไม่ยินยอมให้บริษัทเข้าทำการสำรวจแร่ทองคำในพื้นที่จันทบุรีโดยเด็ดขาด” นางอินธิรากล่าว

เครือข่ายคนจันท์ไม่ยอม

นายธีระ วงษ์เจริญ ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดจันทบุรี กล่าวว่า ในตอนท้ายหนังสือของนายวิษณุ ทับเที่ยง อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) ได้อ้างนโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรมให้ กพร.ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมถึงบริษัทริชภูมิ ไมนิ่งลงพื้นที่เพื่อชี้แจงและ “ทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่” เพื่อประมวลข้อคัดค้านเสนอต่อคณะกรรมการแร่ประกอบการพิจารณาการออกอาชญาบัตรพิเศษสำรวจแร่ทองคำ

ดังนั้นทางเครือข่ายคนจันท์ต้านเหมืองทองจึงตัดสินใจทำหนังสืออีกฉบับส่งถึงอธิบดี กพร.-รมว.อุตสาหกรรม-ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน รัฐสภา และ นายกรัฐมนตรี เพื่อยืนยันข้อเรียกร้องของเครือข่าย 2 ข้อเดิมคือ 1) คัดค้านการออกอาชญาบัตรพิเศษแร่ทองคำของบริษัทริชภูมิ ไมนิ่ง และ 2) หากยังเพิกเฉยและอนุญาตอาชญาบัตรพิเศษแร่ทองคำต่อไป เครือข่ายจะไม่ยอมให้บริษัทเข้าทำการสำรวจแร่ในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีโดยเด็ดขาด

คิงส์เกตท่าทีดีขึ้น

แหล่งข่าวจากวงการเหมืองแร่ตั้งข้อสังเกตว่า การรับจดทะเบียนอาชญาบัตรพิเศษแร่ทองคำของบริษัทริชภูมิ ไมนิ่ง เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันกับทั้ง 2 คู่พิพาทคือ บริษัทคิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ลิมิเต็ดกับ รัฐบาลไทยกำลังเปิดการเจรจาภายใต้คณะกรรมการดำเนินการระงับข้อพิพาทระหว่างราชอาณาจักรไทยกับบริษัทคิงส์เกตฯ ซึ่งมีปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธานคณะกรรมการ เพื่อหาข้อยุติที่ยอมรับร่วมกันก่อนที่คณะอนุญาโตตุลาการจะมีคำตัดสินชี้ขาดในเรื่องที่รัฐบาลไทยโดยคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ สั่งให้ กพร.ยุติสัมปทานเหมืองแร่ทองคำของบริษัทอัครา รีซอร์สเซส

“ประเด็นสำคัญตอนนี้ก็คือ ฝ่ายไทยตั้งโจทย์ไม่อยากถูกฟ้องบังคับให้ชดใช้ค่าเสียหายจากคำสั่งของ คสช. ในขณะที่ทางคิงส์เกตยืนยันมาโดยตลอดว่า บริษัทอัคราฯปฏิบัติตาม พ.ร.บ.เหมืองแร่มาโดยตลอดและยังไม่มีข้อยุติทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจนในข้อกล่าวหาที่ว่า กระบวนการทำเหมืองก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมและกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ ดังนั้นทางเดียวที่จะยุติข้อพิพาทเรื่องนี้ได้ก็คือ ทำอย่างไรจะให้บริษัทอัคราฯสามารถกลับมาเปิดเหมืองทองคำชาตรีที่พิจิตรและขอประทานบัตรหรือขอต่ออายุประทานบัตรตาม พ.ร.บ.เหมืองแร่ฉบับใหม่ได้” แหล่งข่าวกล่าว

โดย นายวิษณุ ทับเที่ยง อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) กล่าวว่า ขณะนี้กระบวนการพิจารณายังอยู่ในขั้นตอนของคณะอนุญาโตตุลาการ ส่วนการที่บริษัทคิงส์เกตฯจะถอนฟ้องในช่วงเดือนมกราคมหรือไม่นั้น “ยังต้องรอความชัดเจน” แต่ยอมรับว่า “มีท่าทีที่ดีขึ้น” เนื่องจากทั้ง 2 ฝ่ายได้เปิดการเจรจากันมาตั้งแต่ต้นเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดร่วมกันให้ได้

“หากคิงส์เกตถอนฟ้องรัฐบาลไทยจริง และบริษัทสามารถทำตามเงื่อนไขภายใต้ พ.ร.บ.แร่ฉบับใหม่ได้ บริษัทอัคราในฐานะบริษัทลูกของคิงส์เกตก็สามารถยื่นขอประทานบัตรเพื่อทำเหมืองแร่ทองคำและยื่นขออาชญาบัตรสำรวจแร่ทองคำได้” นายวิษณุกล่าว