ค่าความเค็มน้ำประปา ยังอยู่เกณฑ์เฝ้าระวัง วอนคนกรุง-ปริมณฑลใช้น้ำประหยัด

กรมชลประทานปรับเพิ่มการระบายน้ำผลักดันความเค็มรุกเจ้าพระยา ลดผลกระทบการใช้น้ำดิบผลิตประปา เดินหน้ามาตรการรับมือสถานการณ์น้ำทะเลหนุนอีกรอบขอความร่วมมือประตูระบายน้ำและสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าทุกแห่งริมแม่น้ำเจ้าพระยา ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาลงมาจนถึงสถานีสูบน้ำสำแล งดการรับน้ำหรือสูบน้ำในระยะนี้ ขอชาว กทม. ปริมณฑลช่วยประหยัดน้ำ

วันที่ 3 ก.พ. 2564 รายงานข่าวจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระบุ กรมชลประทานสรุปสถานการณ์ค่าความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาที่ส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำประปา และไม้ผล ไม้ยืนต้น วันนี้ (3 ก.พ. 64) ที่สถานีสำแล (จุดสูบน้ำดิบของ กปน.) วัดค่าความเค็มได้ 0.26 กรัม/ลิตร (ยังคงอยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวัง 0.25 กรัม/ลิตร มาตรฐานการผลิตน้ำประปาไม่เกิน 0.50 กรัม/ลิตร)

เพื่อให้การควบคุมค่าความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ลดผลกระทบต่อการผลิตน้ำประปา รวมถึงการใช้น้ำของประชาชน จึงได้ปรับเพิ่มการระบายน้ำผ่านเขื่อนพระรามหกในอัตรา 60 ลบ.ม./วินาที ต่อเนื่องเป็นเวลา 5 วัน เริ่มตั้งเเต่วันที่ 5 ก.พ. 64 ไปจนถึงวันที่ 10 ก.พ. 64 หลังจากนั้นจะลดการระบายลงเหลือ 25 ลบ.ม./วินาที พร้อมเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เป็น 75 ลบ.ม./วินาที (เดิม 50 ลบ.ม./วินาที) ตั้งเเต่วันที่ 3 ก.พ. 64 จนถึงวันที่ 8 ก.พ. 64 หลังจากนั้นลดเหลืออัตรา 45 ลบ.ม./วินาที โดยไม่ให้กระทบต่อการใช้น้ำในพื้นที่ตอนบน

โดยนายสัญญา แสงพุ่มพงษ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทานกำชับให้โครงการชลประทานในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมค่าความเค็มที่กำหนดไว้ พร้อมขอความร่วมมือประตูระบายน้ำและสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าทุกแห่งที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาลงมาจนถึงสถานีสูบน้ำสำแล ให้งดการรับน้ำหรือสูบน้ำในระยะนี้

เพื่อให้การควบคุมค่าความเค็มเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดและมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญขอให้ทุกภาคส่วนร่วมใจกันใช้น้ำอย่างประหยัดให้มากที่สุด โดยเฉพาะชาวเมืองหลวงและปริมณฑลที่ใช้น้ำจาก กปน. เพื่อให้ปริมาณน้ำต้นทุนที่มีอยู่อย่างจำกัดเพียงพอใช้ไปจนถึงต้นฤดูฝนหน้า