พลอย-เครื่องเงินส่งออกรุ่ง หนุนไทยขึ้นฮับอัญมณีโลก

สมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับ มั่นใจไทยขึ้นแท่นฮับการค้าอัญมณีโลกได้ใน 3 ปี เร็วกว่าเป้าหมาย แนะรัฐวางมาตรการส่งเสริมภาษี-พัฒนาแรงงานฝีมือเพิ่มรองรับ อีก 1.5 ล้านคน พร้อมคาดส่งออกปี 2561 โต 5% เครื่องเงิน-พลอยสี ขึ้นแท่นพระเอกส่งออก 

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า ในโอกาสที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมสมาพันธ์เครื่องประดับโลก (CIBJO Congress 2017) ซึ่งจัดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้

โดยการประชุมครั้งนี้เป็นประโยชน์ต่อภาคอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทย ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่มีการจ้างแรงงานกว่า 700,000 คนทั่วประเทศ สร้างรายได้ให้เศรษฐกิจกว่า 7,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี รัฐบาลจึงมีเป้าหมายจะผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีและเครื่องประดับโลกภายใน 5 ปี หรือใน 2564

พร้อมทั้งกำหนดมาตรการส่งเสริมอุตสาหกรรมนี้อย่างต่อเนื่อง อาทิ การยกเว้นอากรขาเข้าสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ การยกระดับคุณภาพและมาตรฐานสินค้า ส่งเสริมให้แสวงหาพันธมิตรด้านแหล่งวัตถุดิบ การยกระดับฝีมือแรงงาน และมาตรการส่งเสริมด้านการตลาดที่เชื่อมโยงกับภาคการท่องเที่ยว เพราะในหลายจังหวัดมีเส้นทางที่มีอัญมณีที่น่าสนใจ เช่น เครื่องประดับเงินและพลอยสีที่จังหวัดแพร่ และจังหวัดตาก เครื่องประดับทองและเงินที่จังหวัดสุโขทัย เครื่องประดับทองและนิลที่จังหวัดกาญจนบุรี เครื่องประดับเงินที่จังหวัดสุรินทร์ รวมถึงพลอยสีที่จังหวัดจันทบุรี จังหวัดตราด และจังหวัดมหาสารคาม ตลอดจนเครื่องประดับจากไข่มุกที่จังหวัดภูเก็ต จังหวัดพังงา และจังหวัดสตูล

โดยล่าสุดจากการที่ภาครัฐได้จัดตั้งโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้นโยบาย Thailand 4.0 ถือเป็นแหล่งลงทุนที่อยู่ใกล้พื้นที่ที่เป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบพลอยสีของไทยใน จ.จันทบุรี แหล่งค้าพลอยสีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็นศูนย์รวมค้าพลอยแบบครบวงจร

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ไทยมีโอกาสขึ้นเป็นศูนย์กลางอัญมณีและเครื่องประดับโลกได้ใน 5 ปี เพราะไทยมีจุดแข็งและความได้เปรียบ สามารถผลิตสินค้าได้หลากหลาย ทั้งเครื่องประดับเงิน เครื่องประดับทอง พลอยสี มีทรัพยากรบุคคลที่มีความสามารถสูงตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่ช่างฝีมือแรงงานไทยที่มีทักษะ มีความประณีต ความเชี่ยวชาญ และมีความสามารถในด้านการออกแบบ

นายบุญกิต จิตรงามปลั่ง นายกสมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับ เปิดเผยว่า ไทยมีโอกาสจะที่ขยับเป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีและเครื่องประดับโลกภายใน 3 ปี เร็วกว่าเป้าหมายของรัฐบาล เพราะภาครัฐให้การสนับสนุนลดภาษีนำเข้าเป็น 0% สินค้าวัตถุดิบหลายรายการ ถือเป็นการช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมนี้อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันทางสมาคมกำลังเสนอให้รัฐบาลปรับมาตรการเรื่องการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 7% ซึ่งอยู่ระหว่างการหารือกรอบการทำงานกับกระทรวงการคลัง ว่าควรจะมีแนวทางอย่างไรให้ผู้ส่งออกมาขึ้นทะเบียน อำนวยความสะดวกในการขอคืน VAT เร็วขึ้นได้หรือไม่

พร้อมกันนี้ สมาคมเห็นว่าที่ผ่านมาภาคอุตสาหกรรมประสบปัญหาเรื่องแรงงานฝีมือมีจำนวนลดลงมาก จนเหลือเพียง 1 ล้านคน หากไทยต้องการยกระดับสู่การเป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีฯ จำเป็นต้องเร่งพัฒนาศักยภาพแรงงานรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรม อย่างน้อยควรเพิ่มถึง 50% เป็น 1.5-2.0 ล้านคน

สำหรับแผนการพัฒนาตลาดส่งออก ขณะนี้สมาคมได้ประสานงานกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศอย่างใกล้ชิด ได้เข้าร่วมกิจกรรมงานแสดงสินค้าในกลุ่มอัญมณีและเครื่องประดับในต่างประเทศ เพื่อขยายตลาดส่งออก ขณะที่ตลาดในประเทศ ทางสมาคมมีแผนพัฒนาการค้าอัญมณีและเครื่องประดับใน 4 จังหวัดที่สำคัญ ได้แก่ เชียงใหม่ สุโขทัย ภูเก็ต และจันทบุรี โดยการลงพื้นที่จัดกิจกรรมส่งเสริมการผลิต การตลาด

“ในปีนี้มั่นใจว่าภาพรวมการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับจะขยายตัวได้ถึง 5% จากปีก่อน เฉพาะตัวเลขอัญมณีและเครื่องประดับที่ไม่รวมกับกลุ่มทองคำ ส่วนทิศทางปี 2561 น่าจะขยายตัวอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีนี้ เพราะรัฐบาลมีมาตรการส่งเสริมการผลิตอย่างต่อเนื่อง แต่จำเป็นต้องติดตามประเมินสถานการณ์การค้าโลกซึ่งจะมีผลต่อพฤติกรรมของผู้บริโภค หากเศรษฐกิจไม่ดีอาจจะมีการระมัดระวังการจับจ่าย”

รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า ไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับอันดับ 10 ของโลก โดยในปี 2559 ไทยส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ (รวมทองคำ) มูลค่ารวม 14,246.83 ล้านเหรียญสหรัฐ (501,107.38 ล้านบาท) หรือคิดเป็นสัดส่วน 3.49% ของ GDP ประเทศ ขณะที่ช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 (ม.ค.-ก.ย.) สินค้าอัญมณีและเครื่องประดับเป็นสินค้าส่งออกสำคัญอันดับ 3 ของประเทศไทย มีมูลค่าส่งออกรวมกว่า 10,662.58 ล้านเหรียญสหรัฐ (364,020.73 ล้านบาท)