“จุรินทร์” เข้มสั่งห้ามขึ้นราคาสินค้าช่วงน้ำท่วม 

จุรินทร์ เตรียมลงพื้นที่ภาคเหนือ สั่งพาณิชย์จังหวัดคุมเข้มห้ามขึ้นราคาสินค้าช่วงน้ำท่วม พร้อมลงพื้นที่ตรวจสอบ โรงเหล็กแผ่นชุบ-เคลือบ เตรียมหาแนวสร้างสมดุล ช่วยลดต้นทุน”กระป๋อง”ใส่อาหารส่งออก – ช่วยผู้ผลิต เร็วๆนี้

วันที่ 29 กันยายน 2564 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการพาณิชย์จังหวัดกำชับว่าห้ามให้มีการฉวยโอกาสขึ้นราคาในช่วงสถานการณ์น้ำท่วมด้วย เด็ดขาด ตอนนี้ยังไม่มีคนร้องเรียนแต่ถ้ามีสามารถร้องเรียนไปที่สายด่วน 1569 หากกระทำผิดจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ 

โดยในวันที่ 30 กันยายน ถึง 2 ตุลาคม จะเดินทางไปภาคเหนือหลายจังหวัด และไปติดตามสถานการณ์สินค้าและราคาสินค้าในพื้นที่น้ำท่วม 

“จะมีการประชุมพาณิชย์จังหวัดหรือทีมเซลล์แมนจังหวัดในแต่ละจังหวัดด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า ถ้าสินค้าชนิดใดที่เรามีประสบการณ์ว่าหลังน้ำท่วมอาจจะขาดตลาดก็ให้เร่งดำเนินการเตรียมการ อย่าให้ขาดเช่น สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการทำความสะอาดบ้านเรือน หรือสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างบ้านเรือนที่อยู่อาศัยหรือสินค้าที่เกี่ยวกับการซ่อมแซมที่อยู่อาศัย” นายจุรินทร์ กล่าว 

พร้อมกันนี้ นายจุรินทร์ ยังนำคณะนายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และนายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เยี่ยมชมโรงงานผู้ผลิตเหล็กแผ่นชุบหรือเคลือบด้วยดีบุก โครเมี่ยม ณ บจก.แผ่นเหล็กวิลาสไทย ถนนปู่เจ้าสมิงพราย อําเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อมา ผลิตกระป๋องสำหรับการใส่อาหารทะเล ผลไม้อาหารกระป๋อง เพื่อการส่งออก 

นายจุรินทร์  กล่าวว่า ขณะนี้มีประเด็นเหล็กจากต่างประเทศเข้ามาตีตลาดในประเทศไทย ซึ่งมีราคาถูกกว่าเหล็กที่ผลิตในประเทศประมาณ 13% เนื่องจากเมื่อนำไปบรรจุเป็นอาหารทะเลกระป๋อง จะมีต้นทุนกระป๋อง 12.5% ผลไม้กระป๋องต้นทุนเฉพาะกระป๋อง 50% ดังนั้น กระป๋องจึงมีส่วนสำคัญเป็นต้นทุนของผู้ผลิตอาหารทะเลและผลไม้หรืออาหารชนิดอื่นที่บรรจุกระป๋องเพื่อการส่งออก ถ้าสามารถลดต้นทุนตรงนี้ได้การแข่งขันอาหารกระป๋องของประเทศไทยในตลาดโลกก็สามารถแข่งขันได้ดีขึ้น 

“โจทย์ของตนคือ เราจะสร้างสมดุลได้อย่างไร ระหว่างโรงงานผลิตแผ่นเหล็กที่ทำกระป๋องก็จะต้องอยู่ได้ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 2 โรงงานใหญ่ กับทำอย่างไรให้อาหารกระป๋องของไทยลดต้นทุนกระป๋องลงไปได้ด้วย ซึ่งเป็นโจทย์ที่จะต้องไปหาความสมดุลต่อไป เพื่อช่วยให้อุตสาหกรรมผลิตเหล็กแผ่นชุบโครเมียมกับชุบดีบุกสามารถอยู่ได้และผู้ผลิตส่งออกอาหารกระป๋องของไทยก็สามารถอยู่ได้ แข่งขันในตลาดโลกได้ด้วยอย่างไรก็ตามมีทางออกไม่กี่วันตนจะนัดประชุมคณะกรรมการทุ่มตลาด ซึ่งจะหารือกันต่อไป เป้าหมายใหญ่คือ ช่วยทั้งโรงงานผลิตแผ่นเหล็กชุบดีบุกและชุบโครเมียมที่จะไปทำกระป๋องและช่วยผู้ประกอบการอาหารกระป๋องที่จะส่งออกต่อไปทั้ง 2 ส่วนให้สมดุลกัน

” เหล็กแผ่นม้วนที่ผลิตในประเทศราคาประมาณ 37,000 บาทต่อตัน ถ้านำเข้าในจะเหลือ 33,000 บาทต่อตัน ประเด็นคือ ถ้าเราปล่อยให้เหล็กจากนอกมาตีตลาดในไทยโรงงานในไทยก็จะอยู่ไม่ได้ แต่ถ้าเราซื้อแต่เฉพาะเหล็กในประเทศต้นทุนกระป๋องของผู้ประกอบการธุรกิจอาหารกระป๋องส่งออกก็จะแพง เราจึงต้องหาความสมดุล เพื่อจะได้ช่วยให้ทั้ง 2 อุตสาหกรรม ซึ่งเป็นการบ้านของตนจะไปคุยในคณะกรรมการทุ่มตลาด” นายจุรินทร์ กล่าว