“สมคิด” เร่งวท.ดันผลงาน ชี้เหลือแค่ปีเดียวเลือกตั้ง ญี่ปุ่นส่ง 100 เอสเอ็มอีอาหาร มาจับคู่อาหารไทย เตรียมเป็นเจ้าภาพโอลิมปิก 2020

เมื่อวันที่ 8 มกราคม ที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางมายัง วท.เพื่อมอบนโยบาย โดยมีนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีวท.ต้อนรับ

โดยนายสมคิดกล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับ วท.ว่าเป็นกระทรวงแห่งอนาคต ดังนั้น อยากให้ วท.เร่งผลักดันผลงานเพื่อตอบสนองนโยบายรัฐบาลและให้ผลประโยชน์แก่ประเทศชาติ เพราะรัฐบาลมีเวลาเหลือแค่ 1 ปี ก่อนจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น ทำอะไรได้ขอให้เร่งทำ โดยตนมีงบประมาณที่เป็นกองกลางอยู่ประมาณ 8 พันล้าน พร้อมจะสนับสนุน และขอให้ลืมข้อจำกัดเรื่องกฏหมาย เช่น โครงการศูนย์นวัตกรรมแห่งอนาคต (โครงการฟิวเจอเรี่ยม) ที่รัฐบาลอนุมัติไปแล้วในวงเงิน ประมาณ 2 พันล้าน ที่จะเสร็จภายใน 4 ปี ก็ขอให้เสร็จภายใน 1-2 ปีนี้ รวมทั้งโครงการเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจ หรืออีอีซีไอ ก็ขอให้ได้ดำเนินการ และที่สำคัญรัฐบาลกำลังเร่งลดความเหลื่อมล้ำ โดยมอบให้กระทรวงเกษตร กระทรวงการท่องเที่ยวฯ และกระทรวงมหาดไทย ไปดำเนินการ วท.ก็ต้องเอาความรู้ด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้าไปช่วยลดความเหลื่อมล้ำ ทั้งเรื่องของเครื่องมือการเกษตร การกักเก็บน้ำ เทคโนโลยี เป็นต้น

“ที่ผ่านมาวท.ทำอะไรไว้เยอะมาก แต่ปัญหาคือคนที่ต้องการเอามาใช้ไม่รู้ว่ามี หรือไม่รู้จะไปหาสิ่งที่ตัวเองต้องการมาจากไหน สำคัญเลยที่ต้องทำให้ได้โดยเร็วคือ ทำให้เห็นภาพชัดๆ เพื่อให้เกิดแรงบันดาลใจ ว่าเรียนวิทยาศาสตร์เมื่อจบออกมาไม่ตกงานแน่นอน แต่จะมีรายได้สูง” นายสมคิดกล่าว

ด้านนายสุวิทย์กล่าวว่า 3 เรื่องที่รองนายกรัฐมนตรีกำชับ และเร่งรัดให้วท.ทำให้เห็นผลเร็วที่สุดคือ 1.สร้างแรงบันดาลใจให้เด็กมาเรียนวิทยาศาสตร์ให้มากขึ้น ให้ วท.ทำงานคู่กับกระทรวงศึกษาธิการทำเรื่องนี้ให้เห็นผลโดยเร็ว 2.ลดความเหลื่อมล้ำ ทำงานใกล้ชิดกับสภาเกษตรกร สร้าง 1 ตำบล 1 นวัตกรรม ทำให้เกษตรกรเข้าถึงระบบซอฟแวร์ง่ายๆ ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทันที และ 3.ให้มีสตาร์ทอัพ เป็นตัวขับเคลื่อนนวัตกรรม ให้ตอบโจทย์เกษตรกรให้มากที่สุด

“ประเด็นท้าทายที่ วท.ต้องทำให้ได้คือ การทำความเข้าใจกับประชาชนว่า วิทยาศาสตร์เป็นเรื่องใกล้ตัว เข้าถึงง่าย และนำไปใช้ประโยชน์ได้ ทำความเข้าใจกับเยาวชนว่า วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีไม่ใช่ยาขม ต้องสร้างความตื่นตัวให้เด็กอยากเรียนวิทยาศาสตร์มากขึ้น เพราะเวลานี้อัตราส่วนการเรียนวิทยาศาสตร์ ต่อสังคมศาสตร์อยู่ที่ 30:70 ซึ่งถือว่าน้อยมาก ทั้งที่ความเหมาะสมแล้วควรจะอยู่ที่ 70:30 มากกว่า” นายสุวิทย์กล่าว

รัฐมนตรี วท.กล่าวว่า สิ่งที่ต้องทำให้เห็นภาพชัดๆ อีกอย่างคือ ทำให้งานวิจัยตอบโจทย์ของภาพรวมทั้งประเทศมากกว่าแค่การตอบโจทย์ให้นักวิจัยเพียงคนเดียวหรือกลุ่มเดียว ไม่ทำให้งานวิจัยเป็นเบี้ยหัวแตก คือ แตะทุกเรื่อง แต่ไม่เก่งสักเรื่อง

“ขณะนี้มีข่าวดี คือ รัฐบาลญี่ปุ่นได้ติดต่อมาที่วท. เพื่อเอาเอสเอ็มอี ด้านอาหาร 100 แห่ง มาจับคู่กับเอสเอ็มอี ของไทยด้านอาหาร จำนวน 100 แห่ง เช่นกัน เพื่อเตรียมการสำหรับรองรับการเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาโอลิมปิค ปี 2563 ซึ่ง วท.จะร่วมกับ บีโอไอ จัดทำรายชื่อ ผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมรายงาน เพื่อจะนำมาเชื่อมโยงจับคู่กับเอสเอ็มอี 100 แห่งของประเทศญี่ปุ่น” นายสุวิทย์กล่าว

 

ที่มา : มติชนออนไลน์