สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย หรือ ThaiBMA ชี้เห็นปรากฏการณ์บางบริษัทที่ไม่มีชื่อเสียง นักลงทุนเริ่มชะลอซื้อหุ้นกู้ หวังรอดอกเบี้ยขยับสูงขึ้น ด้าน “ดร.สมจินต์” ยืนยันยังไม่สะท้อนความเสี่ยงเชิงธุรกิจ แค่รอเพื่อตัดสินใจลงทุนเหมาะสมเท่านั้น
วันที่ 10 ตุลาคม 2565 นางสาวอริยา ติรณะประกิจ รองกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) เปิดเผยว่า ตอนนี้เริ่มเห็นปรากฏการณ์ยอดออกขายหุ้นกู้ใหม่ในบางบริษัทที่อาจจะไม่ได้มีชื่อเสียงมากเท่ากับบริษัทขนาดใหญ่ ที่นักลงทุนเริ่มชะลอซื้อเพื่อรอหุ้นกู้ลอตใหม่ที่จะได้ดอกเบี้ยสูงขึ้น
- “มะพร้าว” ราคาพุ่งเป็นประวัติการณ์ ลูกเดียว 65-80 บาท เกิดอะไรขึ้น?
- บริษัทดัง ประกาศปิดกิจการ ทุกสาขาทั่วประเทศ เลิกจ้างหลายชีวิต
- แจกเงินดิจิทัล 10,000 ลุ้นซื้อไอโฟน-เครื่องใช้ไฟฟ้า “จุลพันธ์” นัดถกหาข้อสรุป
แต่ว่าในขณะเดียวกัน บริษัทใหญ่ ๆ อีกจำนวนมากที่มีความมั่นคงสูง ชื่อเสียงดี ยังขายหุ้นกู้หมดตามไฟลิ่งที่ยื่นไว้กับทาง ก.ล.ต.ในเวลาอันรวดเร็ว เนื่องจากยังมีนักลงทุนอีกหลายรายที่มองว่าไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะมีการออกสม่ำเสมอหรือไม่สำหรับบริษัทที่สนใจอยากลงทุน จึงสนใจจับจองซื้อหมดอยู่ดี โดยไม่รอดอกเบี้ยขยับขึ้นในช่วงที่เหลือของปี
ดร.สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย กล่าวเสริมว่า การที่ตลาดการเงินจะมีความรู้ความเข้าใจและทำให้นักลงทุนหยุดคิดค่อย ๆ ตัดสินใจลงทุน ถือเป็นภาพพัฒนาการที่ดีของตลาดหุ้นกู้ไทย แต่อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์ดังกล่าวยังไม่ได้สะท้อนถึงความเสี่ยงเชิงธุรกิจ เพราะเป็นแค่การรอเพื่อตัดสินใจลงทุนอย่างเหมาะสมเท่านั้น
เพราะถ้ามองในภาพใหญ่อ้างอิงถึงสปีชผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในช่วงที่ผ่านมา ตัวสภาพเศรษฐกิจไทยกำลัง take-off หรือค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้น และโดยส่วนตัวเชื่อว่าดีเบตที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนโยบายของอัตราดอกเบี้ยนั้น มุมมอง ธปท.ที่พยายามดูเรื่องเศรษฐกิจในประเทศเป็นหลัก ควบคู่ไปกับระดับอัตราเงินเฟ้อให้มี smooth take off เป็นแนวนโยบายที่มีความรอบคอบระมัดระวังที่ดี
ส่วนความกังวลหุ้นกู้ในกลุ่มเครดิตเรตติ้งต่ำ หรือ Non-rated ที่จ่ายดอกเบี้ยสูง ๆ อยู่แล้ว โดยเฉพาะกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ถ้าดอกเบี้ยขยับจะมีต้นทุนการระดมทุนสูงขึ้น และจะมีความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้สูงตามมาหรือไม่ในอนาคต นางสาวอริยากล่าวว่า จากการที่แบงก์ชาติมีข้อห่วงใยการปรับขึ้นดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อยู่แล้ว เป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ดังนั้นคงไม่กระทบมาก
โดยกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นกลุ่มที่ใช้ประโยชน์กับตลาดทุนค่อนข้างมาก แต่ปัจจุบันหุ้นกู้กลุ่มอสังหาฯ ก็จะมีส่วนชดเชยความเสี่ยง (Credit Spread) ที่สูงกว่าหุ้นกู้กลุ่มอื่น ๆ อยู่แล้ว ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 4/65 จะมีหุ้นกู้อสังหาฯครบกำหนดประมาณ 29,000 ล้านบาท และในปี 2566 ครบดีลอีกราว 1.2 แสนล้านบาท