JMART ปลื้ม “เจ เวนเจอร์ส” ขาย JFin Coin 100 ล้านโทเคนหมดเกลี้ยงภายใน 3 วัน

นายธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด (JVC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ JMART กล่าวว่าบริษัทได้ขาย JFin Coin ครบแล้ว 100 ล้านโทเคน ที่ราคา 6.60 บาท ต่อโทเคน โดยมีนักลงทุนที่เข้าซื้อรวม 2,119 คน เป็นทั้งนักลงทุนรายใหญ่ รายย่อย และนักลงทุนต่างประเทศ สะท้อนว่านักลงทุนมีความเชื่อมั่นใจ จากบริษัทเป็นบริษัทย่อย JMART ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ไม่มีการหลอกลวง และมีแผนการดำเนินงานชัดเจนที่จะนำเงินที่ได้ไปพัฒนาระบบสินเชื่อแบบดิจิทัลที่ไม่มีตัวกลาง หรือ Decentralized Digital Lending Platform (DDLP) ให้กับบริษัทย่อยของ JMART

ขณะที่สัปดาห์หน้าบริษัทเตรียมประชุมเพื่อหารือในการกำหนดวันซื้อขาย ในตลาด TDAX ว่าจะมีการเลื่อนวันเข้าเทรดเร็วกว่ากำหนดเดิมวันที่ 2 เมษายนหรือไม่ ซึ่งจะต้องพิจารณาให้รอบคอบ เพราะถือว่าเป็นเรื่องใหม่
“การระดมทุน ICO ของบริษัทถือว่าประสบความสำเร็จ โดยใช้เวลาขายเพียง 3 วัน ก็สามารถปิดการขายได้ ซึ่งถือว่าเร็วกว่ากำหนดเดิมที่เปิดขาย 14-28 ก.พ. ส่วนวันเทรดขอประชุมหารือในบริษัทก่อน หลังจากนี้ก็จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปพัฒนาระบบ DDLP และ บริษัทจะให้ความร่วมมือกับภาครัฐและเอกชน บริษัทจดทะเบียน ที่มีความสนใจระดมทุน ICO ในการให้คำแนะนำในการระดมทุนดังกล่าวให้มีมาตรฐานที่ดี และประสบความสำเร็จ ซึ่งขณะนี้มีหลายบริษัทสนใจ “นายธนวัฒน์ กล่าว

นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) (JMART) เปิดเผยว่า ในวันนี้ (16 กุมภาพันธ์ 2561) บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด (JVC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ระดมทุนด้วยการทำ Initial Coin Offering (ICO) โดย JFin Coin ที่เปิดเสนอขายในคราวนี้จำนวน 100 ล้านโทเคน ที่ราคาขาย 6.60 บาทต่อโทเคน ได้ถูกผู้สนับสนุนจองซื้อหมดเต็มจำนวนเรียบร้อยแล้ว นับตั้งแต่เริ่มเสนอขาย Pre-Sale ในวันแรกวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2561 ซึ่งใช้เวลาเพียงแค่ 55 ชั่วโมง ระดมเงินได้ราว 660 ล้านบาท ถือเป็นการตอบรับอย่างท่วมท้น นับเป็นการระดมทุนในรูปแบบ ICO รายแรกที่เป็นบริษัทย่อยของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มุ่งหวังจะสร้างมาตรฐานที่ดี พร้อมเร่งนำเทคโนโลยี Blockchain เข้ามาใช้ต่อยอดธุรกิจ และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในเทคโนโลยีการเงินให้กับประเทศซึ่งจะทัดเทียมกับต่างประเทศ

“ผมต้องขอขอบคุณหน่วยงานต่างๆ ที่ให้โอกาสเราในการอธิบาย และคำแนะนำต่างๆ การทำ ICO ครั้งนี้ เราถือเป็นกลุ่มบริษัทจดทะเบียนรายแรกที่ทำเรื่องนี้ ผมเข้าใจดีว่าย่อมมีอุปสรรคในด้านการอธิบายความเข้าใจ และมีหลากหลายความคิดเห็น แต่ด้วยความตั้งใจของผมและทีมงานที่มุ่งหวังให้ ICO นี้เกิดขึ้นให้ได้ในประเทศไทย ที่ผมทำธุรกิจมาตั้งแต่ต้น” นายอดิศักดิ์ กล่าว