STARK เจอผู้เสียหายรุมฟ้องเอาผิด หลัง ก.ล.ต.กล่าวโทษบุคคลและนิติบุคคลลอตแรก 10 ราย ตกแต่งงบการเงิน-เปิดเผยข้อความเป็นเท็จ-ทุจริต-หลอกลวง
วันที่ 12 กรกฎาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ผู้เสียหายหลายกลุ่ม ทั้งผู้ถือหุ้นรายย่อย ทั้งบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) รวมไปถึงธนาคารเจ้าหนี้ ต่างออกมาประกาศว่าจะฟ้องร้องดำเนินคดีกับบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และผู้เกี่ยวข้อง ที่สร้างความเสียหาย
- ร้อนทะลุ-โลกเดือด “เอลนีโญ” ถึง “ลานีญา” ถล่มประเทศไทย
- กดเงินไม่ใช้บัตร ATM พุ่ง 3 เท่า แห่เปิดใช้ข้ามแบงก์-เพิ่มค่าฟี
- ปิดโรงงานยอดเพิ่มเท่าตัว จับตาธุรกิจรถมือสองเสี่ยง
โดยล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้กล่าวโทษบุคคลและนิติบุคคล รวม 10 ราย เป็นชุดแรก ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ให้ดำเนินคดีกรณีตกแต่งงบการเงิน เปิดเผยข้อความอันเป็นเท็จ ในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้ และกระทำโดยทุจริตหลอกลวง และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากประชาชนผู้ถูกหลอกลวง อันเข้าข่ายเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535
รวมถึงได้มีคำสั่งยึดอายัดทรัพย์สินของผู้กระทำผิดชุดแรกดังกล่าวเป็นเวลา 180 วัน เนื่องจากปรากฏพฤติการณ์การกระทำผิดที่มีลักษณะก่อให้เกิดความเสียหายต่อประโยชน์ของประชาชนในวงกว้าง
โดยปรากฏมูลค่าความเสียหายจากหนี้สินของบริษัท STARK ที่มีมากกว่า 38,000 ล้านบาท และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่าผู้กระทำความผิดจะยักย้ายหรือจำหน่ายทรัพย์สินออกไป
ผู้ถือหุ้น 1,759 ราย ลุยฟ้องคดีแบบกลุ่ม
รายงานจากสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย (TIA) เปิดเผยว่า กลุ่มผู้เสียหายที่ลงทุนในหุ้นสามัญของ STARK ที่ได้ลงทะเบียนเป็นผู้ได้รับความเสียหาย 1,759 ราย ได้ยื่นหนังสือถึง TIA เพื่อขอให้สนับสนุนค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการดำเนินการฟ้องร้องคดีแบบกลุ่ม (class action) อาทิ
ค่าวิชาชีพทนายความ ฯลฯ ตลอดจนค่าดำเนินการอื่นที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากผู้เสียหายได้สูญเสียเงินลงทุนและ/หรือเงินออมไปเป็นจำนวนมากแล้ว และเพื่อให้การดำเนินการฟ้องร้องคดีแบบกลุ่มดำเนินไปตามลำดับได้อย่างรวดเร็ว ราบรื่น และประสบความสำเร็จในที่สุด ซึ่งจะเป็นการเยียวยาและสร้างความยุติธรรมให้กับผู้ลงทุนรายบุคคล
นอกจากนี้ กลุ่มผู้เสียหายลงทุนหุ้นสามัญ STARK ยังได้ยื่นหนังสือถึงหน่วยงานในตลาดทุน ทั้งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เร่งดำเนินคดี เพราะการกระทำความผิดของกลุ่มบุคคลทั้ง 10 ราย เข้าข่ายความผิดหลายมาตราของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ
ซึ่งให้อำนาจ ก.ล.ต.ในการใช้มาตรการลงโทษผู้กระทำความผิดทั้งทางอาญาและทางแพ่ง กลุ่มผู้เสียหายจึงเรียกร้องให้ ก.ล.ต.ดำเนินมาตรการลงโทษทั้งทางอาญาและทางแพ่งขั้นสูงสุด พร้อมทั้งขอคำแนะนำถึงช่องทางที่ ก.ล.ต.จะสามารถช่วยเหลือบรรเทาเยียวยาความเสียหายแก่ผู้ลงทุนรายบุคคลเหล่านี้
“สมาคม บลจ.” เล็งฟ้องในนามรายย่อย
ขณะที่นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บลจ. กรุงไทย (KTAM) ในฐานะนายกสมาคมบริษัทจัดการการลงทุน (AIMC) กล่าวว่า ขณะนี้สมาคมมีข้อสรุปเบื้องต้น จากที่ทางที่ปรึกษาทางกฎหมายได้แนะนำว่าในการฟ้องร้องนั้น หากเป็นรายย่อยจะสามารถฟ้องร้องง่ายกว่า เนื่องจากเป็นคนหมู่มาก เพราะหากจะฟ้องในนาม บลจ.ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่ไม่ได้ใหญ่มาก ก็อาจจะไม่มีน้ำหนักต่อศาล จึงต้องใช้วิธีการอื่นในการดำเนินการฟ้องร้องแทน
“การฟ้องร้องจะต้องมีการแยกประเภทการลงทุนออกเป็นหุ้นทุน, หุ้นกู้ และหุ้น PP หรือการเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด เพราะต้องให้เป็นกลุ่มคนฟ้องที่มีความเสียหายเหมือนกัน ซึ่งสาเหตุที่ต้องมีการแยกประเภท เนื่องจากว่าหากมีการแยกกันน่าจะดำเนินการได้รวดเร็วมากขึ้นและจะทำให้มีน้ำหนักต่อศาล”
“ไทยพาณิชย์” ลั่นเอาผิดตามกฎหมาย
นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กรณีการปล่อยสินเชื่อให้กับ STARK นั้น ไม่มีผลกระทบต่อธนาคารไทยพาณิชย์ เพราะวงเงินค่อนข้างเล็กประมาณ 2,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับพอร์ตสินเชื่อขนาดใหญ่ที่มีอยู่ 1 ล้านล้านบาท และเมื่อเทียบกับหนี้ที่เกิดจากสินเชื่อรายย่อยที่มีกว่า 1 หมื่นล้านบาท
“ไทยพาณิชย์ในฐานะเจ้าหนี้ เราก็เดินหน้าจัดการ STARK ตามขั้นตอนเช่นเดียวกับเจ้าหนี้ธนาคารพาณิชย์อื่น ตามกระบวนการกฎหมายต่อไป” นายอาทิตย์กล่าว